เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ปากทางเข้าห้วยจำตอง หมู่ 1 ต.นานกกก อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เขตติดต่อ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ นายพีระพัฒน์ จันทร์เพ็ญ เจ้าของสวนลางสาดและลองกอง อ.ลับแล แจ้งว่ามีคนคล้ายผีตองเหลืองถูกกระดานไม้หนีบคอตายที่บ้านไม่มีเลข ที่สร้างเอาไว้เพื่อมานอนเฝ้าสวนลางสาด ทางสมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้ จ.อุตรดิตถ์ จึงไปตรวจสอบพร้อมนำศพหญิงอายุประมาณ 70 ปี ไม่มีบัตรประชาชน ไม่ทราบที่อยู่ คาดว่าน่าจะเป็นชนเผ่ามระบรี หรือ ผีตองเหลือง ที่ยังหลงเหลืออยู่ในป่า จ.แพร่ และ ใกล้เคียง โดยทางเดินขึ้นเขาที่สูงชัน รถยนต์ไม่สามารถขึ้นไปได้ ซึ่งมีระยะทางไปกลับร่วม 100 กิโลเมตร ดังนั้นจึงได้เดินทางขึ้นไปพร้อมทีมงานรถจักรยานยนต์วิบาก จำนวน 5 คัน และ ผ้าห่อศพ ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมเฝ้าสวนปลูกยกพื้นสูง มีร่างของหญิงวัยชรา อายุประมาณ 60-70 ปี ไม่ทราบชื่อเป็นชนเผ่าผีตองเหลือง ร่างห้อยโดยศีรษะติดกับช่องพื้นไม้ จึงทำการปลดศพลงแล้วทำการห่อศพ และ มัดผูกศพหันหลังติดกับท้ายรถจักรยานยนต์และมัดผูกติดกับคนขี่ นำลงมาสู่เบื้องล่าง นายชัยณรงค์ กล่าวว่า เจ้าของสวนแจ้งมาว่า มีชนเผ่าผีตองเหลืองอาศัยอยู่ในป่าลึก มักจะแอบมาขโมยอาหารประเภทข้าวสาร อาหารแห้งที่เก็บไว้บนกระท่อมเป็นประจำ ครั้งนี้สันนิษฐานว่า หญิงวัยชราดังกล่าวได้ปีนขึ้นทางช่องแผ่นไม้ปูพื้น เมื่อได้อาหารแล้วปีนลงทางช่องเดิม ปรากฏว่าแผ่นไม่ได้งัดตะปูออกอีกด้านจึงดีดพับหนีบลำคอถึงแก่ชีวิต ด้านนายพีรพงศ์ มั่นประธาน เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ของสมาคมกู้ภัยวัดหมอนไม้ ได้ขึ้นไปโดยใช้รถจักรยานยนต์สำหรับบรรทุกลางสาด ลองกอง ทุเรียน ลงมาจากสวน กรณีศพเพศหญิงที่พบ ต้องมัดศพติดกับท้ายรถลงมาอย่างทุลักทุเล ซึ่งระยะทางไปกลับกว่า 100 กิโลเมตร เป็นทางขึ้นเขา พระกฤษฏากรณ์ กิตติสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดนานกกก อ.ลับแล กู้ภัยจะนำศพมาเผาในวัด ปรากฏว่าทางกรรมการวัดนานกกกเสียงส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้เผาศพหญิงรายนี้ เพราะไม่ใช่คนแถวนี้ และ ไม่มีบัตรประชาชน รวมถึงใบมรณบัตรยืนยันการตาย ญาติที่จะมารับรองก็ไม่มี ทางวัดจึงไม่กล้าเผาให้ กลัวจะเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ส่วนศพได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เพื่อรอญาติ คาดว่าน่าจะเป็นคนใน จ.แพร่ มารับศพทำพิธีทางศาสนาต่อไป.