อยุธยา 70 คน โดยอยู่ในแคมป์งานเดียวกับพ่อแม่เด็ก และนครราชสีมา 76 คน มีทั้งไทยและต่างด้าว ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด ระบุยังไม่พบหลักฐานติดเชื้อในไทย คาดอาจติดระหว่างเดินทางกลับบ้านทั้งในไทยหรือที่เมียนมา ช่วง 4-10 ก.ย. ย้ำปชช.ให้มั่นใจระบบตรวจสอบเข้มข้น เมื่อวันที่ 21 ก.ย.63 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานความคืบหน้าผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรณีเด็ก 2 ขวบชาวเมียนมา ตรวจพบการติดเชื้อโควิด 19 หลังกลับจากไทย เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค โดยกองระบาดวิทยา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี (สคร.4 จ.สระบุรี) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา (สคร.9 จ.นครราชสีมา) ได้ประสานงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิด ซึ่งเคยทำงานหรือเคยอาศัยกับครอบครัวนี้ทันที เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด 19 ด้วยวิธี RT-PCR วันที่ 20 ก.ย.63 1.ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีผู้สัมผัสรวม 70 คน แยกเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่อาศัยในแคมป์เดียวกัน 16 คน และกลุ่มผู้สัมผัสที่อยู่ในแคมป์อื่นอีกสองแคมป์ 54 คน ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ 2.ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา มีผู้สัมผัสรวม 76 คน  แยกเป็นคนไทย 16 คน และต่างด้าว 60 คน ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งหมดให้ผลเป็นลบ รวมผู้สัมผัสใกล้ชิดทุกสถานที่ในกรณีดังกล่าว จำนวน 146 คน ผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ทั้งหมดทุกรายให้ผลเป็นลบ ไม่พบการติดเชื้อโควิด 19 แต่อย่างใด ทั้งนี้ สรุป เด็กที่ติดเชื้อจากการตรวจพบของเมียนมา ยังไม่พบหลักฐานแหล่งที่ติดเชื้อในประเทศไทย ทั้งที่พักและที่ทำงานของผู้ปกครอง จึงมีโอกาสน้อยที่เด็กจะเกิดการติดเชื้อในที่พักแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ อาจมีโอกาสเกิดการติดเชื้อระหว่างการเดินทางกลับบ้าน ทั้งในประเทศไทยหรือขณะอยู่ในประเทศเมียนมา ช่วงระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย.63 อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยต้องมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้ตรวจจับได้ทันท่วงทีและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเหมาะสม และได้แนะนำประชาชนในพื้นที่ให้เฝ้าระวังอาการและปฏิบัติตัวในการป้องกันโรค ต่อไป จึงขอให้ทุกคนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และขอให้ประชาชนยังคงดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่องเช่นเดิม “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422