แห่ร้อง สคบ.ช่วยตรวจสอบ บริษัทมหาชน ชักชวนระดมทุนซื้อข้าวสร้างความเสียหายนับพันล้าน ทาง บ.ที่ถูกร้อง อ้างมีใบอนุญาต เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ย. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ กทม. น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่และหัวหน้าพรรคภาคีเครือข่ายไทย พร้อมผู้เสียหายกว่า 100 คน เดินทางเข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง เพื่อให้ตรวจสอบบริษัทมหาชน ร่วมกับ บริษัทในเครือที่อ้างว่ามีใบอนุญาต สคบ. และทำการระดมทุนให้ประชาชนลงทุนซื้อข้าวสารและอาหารเสริม แต่ไม่ได้รับเงินปันผลตามที่กล่าวอ้างและยังคงดำเนินการต่อเนื่องอีกหลายโครงการ ความเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 1 พันล้านบาท น.ส.กฤษอนงค์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากพบความเชื่อมโยงของ 3 บริษัทที่มีผู้บริหารคนเดียวกัน เปิดระดมทุนให้ประชาชนร่วมลงทุนซื้อขายข้าวสาร พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการโฆษณาออกสื่อโทรทัศน์ การรับโปรโมชั่นเพื่อรับของรางวัล ซึ่งเมื่อลงทุนแล้วจะการันตีได้รับเงินปันผลทุกเดือนโดยไม่ต้องทำงานหรือขายสินค้า แต่ภายหลังบริษัทกลับไม่ได้จ่ายเงินปันผลตามกำหนด โดยวันนี้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ การบริหารงานของบริษัทดังกล่าว รวมถึงพิจารณาแนวทางการเอาผิด และ ยกเลิกใบอนุญาตในส่วนของ สคบ. เนื่องจากไม่ต้องการให้บริษัทไปดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้ เป็นการหลอกลวงประชาชนรายอื่นๆ "กลุ่มผู้เสียหายได้มารวมตัวกันเพื่อให้ตรวจสอบแผนการจ่ายผลตอบแทน และให้บริษัทดังกล่าวคืนทุน รวมถึงให้ตรวจสอบโครงการอสังหาริมทรัพย์และสินค้าอื่นๆ เพื่อยุติความเสียหายไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้างต่อไป สำหรับเอกสาร ที่นำมามอบให้ สคบ. ประกอบเอกสารข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการธุรกิจของบริษัท รวมถึงใบแจ้งความที่ผู้เสียหายบางส่วนเคยไปแจ้งความไว้" ช่วงที่ยืนหนังสือ น.ส.กฤษอนงค์ ที่รู้สึกอัดอั้นตันใจเพราะแรงกดดันของคู่กรณีอีกฝั่ง มาโดยตลอดและในวันนี้ยังมีนายถนอม มิ่งวงษ์ อ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทฯ คู่กรณีได้มาสังเกตการณ์และพยายามจะขอชี้แจงสื่อฯ ตลอดจนถ่ายรูปบรรดาผู้มาร้อง สคบ. ถึงขั้นก้มลงกราบเท้า พ.ต.อ.ประทีป จนต้องดึงตัวกลับขึ้นมา โดย พ.ต.อ.ประทีป กล่าวว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับมา รวมถึงสอบปากคำผู้เสียหาย และเรียกบริษัทที่ถูกกล่าวหามาสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะเร่งรัดดำเนินการโดยเร็วที่สุด