นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตในรอบ 11 เดือน (ต.ค.62-ส.ค.63) ยอดรวม 503,882 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อน 35,185 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.53 รายได้ภาษีจัดเก็บสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน 206,797 ล้านบาท ภาษีรถยนต์ 77,791 ล้านบาท ภาษีเบียร์ 73,352 ล้านบาท ภาษีสุรา 56,652 ล้านบาท และภาษียาสูบ 58,186 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายจัดเก็บภาษี 501,000 ล้านบาท เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ประชาชนออกเดินทางไปท่องเที่ยว มีการใช้น้ำมันสูงขึ้น สะท้อนได้จากยอดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และยอดจำหน่ายรถยนต์เพิ่มขึ้น แม้จะมีปัญหาช่วงโควิด คาดว่ายอดภาษีสรรพสามิตงบประมาณปี 2563 จัดเก็บได้ประมาณ 520,000 ล้านบาท ทั้งนี้ยอมรับว่าภาษีสรรพสามิตน้ำมันหากสูงมากเกินไปจะเป็นดาบสองคม ทำให้มีการลักลอบน้ำมันเข้าตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น กรมสรรพสามิตคาดว่าปีงบประมาณ 2564 จัดเก็บภาษีได้ประมาณ 534,000 ล้านบาท หากไม่มีเหตุการณ์ปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบอย่างรุนแรง
สำหรับในช่วงปัญหาโควิด เมื่อรัฐบาลผ่อนปรนภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง เครื่องบินไอพ่น(น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบิน)สำหรับเที่ยวบินในประเทศ จากเดิม 4.726 บาทต่อลิตรเหลือ 0.20 บาทต่อลิตร กำหนดถึงวันที่ 30 ก.ย.63 กรมสรรพสามิตจึงเตรียมเสนอกระทรวงการคลังพิจารณา ยอมรับว่าแม้จะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ภาษีประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่เพื่อลดภาระต้นทุนให้กับสายการบินส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงนี้
ส่วนการช่วยเหลือสภาพคล่องธุรกิจสายการบินภายในเดือนต.ค.63 ธนาคารออมสินเตรียมวงเงินซอฟท์โลนปล่อยกู้ผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ระยะเวลา 60 เดือน เตรียมเสนอ ครม.พิจารณาเร็วๆนี้ เนื่องจากการท่องเที่ยวยังเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงปัญหาโควิด