เกิดจากติดเชื้อไวรัสหายเองได้ แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือน จำเป็นต้องรักษาป้องกันแพร่กระจาย ระบุยังไม่มียารักษาเฉพาะ เตือนรักษาทางเลือกต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผิวหนัง เสี่ยงโรคกำเริบลุกลาม ติดเชื้อแทรกซ้อน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์กล่าวว่า โรคหูดข้าวสุกมีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส ระยะฟักตัวตั้งแต่ 3 – 12 สัปดาห์ สามารถติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงระหว่างผิวหนังกับผิวหนัง หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว พบบ่อยในเด็ก และพบอาการทุกส่วนของร่างกาย โดยทั่วไปโรคหูดข้าวสุกสามารถหายเองได้ โดยป้องกันการติดต่อและการแพร่กระจายการติดเชื้อแทรกซ้อนของโรค พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์กล่าวว่า หูดข้าวสุกมีลักษณะเป็นตุ่มนูนรูปครึ่งวงกลม สีเนื้อ หรือขาวขุ่น ค่อนข้างแข็ง ผิวเรียบมัน อาจมีรอยบุ๋มตรงกลางตุ่ม ถ้าสะกิดและกดตุ่มออกจะได้เนื้อสีขาวขุ่นคล้ายข้าวสุก ตุ่มอาจอยู่รวมกันเป็นกลุ่มหรือเรียงกันเป็นแนวยาว และหายได้เองโดยไม่ต้องรักษาแต่ต้องใช้เวลาหลายเดือน ห้ามแกะ เกา ตุ่มเพราะอาจทำให้ติดเชื้อแบคทีเรียได้ ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจพบตุ่มขนาดใหญ่ หรือมีจำนวนมาก การรักษาหูดข้าวสุกอาจหายได้เองแต่จำเป็นต้องรักษาเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรงเฉพาะโรค ปัจจุบันใช้ทางเลือกสำหรับการรักษา คือ 1.การจี้ความเย็นคือการจี้ด้วยไนโตรเจนเหลวจนทำให้เกิดวงน้ำแข็งขึ้นรอบตุ่ม อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง 2.การบีบตุ่มโรคให้แตก 3.การใช้ไม้สะอาดปลายแหลมบ่งตุ่มโรค อย่างไรก็ตาม การรักษาทางเลือกต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง ไม่สามารถรักษาด้วยตนเองได้เพราะอาจทำให้โรคกำเริบ ลุกลามไปบริเวณอื่น หรือติดเชื้อโรคแทรกซ้อนได้