เพื่อสืบสานภูมิปัญญา คุณค่า เอกลักษณ์ของผ้าไหมไทยให้คงอยู่ และร่วมเทิดพระเกียรติพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการส่งเสริมและสนับสนุนไหมไทยให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของไทย รวมทั้งเพื่อส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการผ้าไหมและการขยายโอกาสทางการค้า จึงมีแนวคิดจัดงานเพื่อนำเสนอสินค้าที่ดีมีคุณภาพจากเกษตรกรเพื่อ เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ผู้ประกอบการธุรกิจสิ่งทอ และดีไซน์เนอร์ต่างชาติ ได้รู้จักผ้าไหมไทยและวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น และต้องการให้สินค้าจากเกษตรกรไม่ใช่แค่รู้จักภายในประเทศเท่านั้น เพื่อให้ผ้าไหมไทยเป็นที่รู้จักสู่ตลาดสากลให้ผู้ประกอบการธุรกิจสิ่งทอต่างชาติสั่งซื้อผ้าไหมไทยเป็นวัตถุดิบ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรหลังวิกฤตเศรษฐกิจและการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (Covid-19)
การท่องเที่ยงแห่งประเทศไทย กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับ มูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว กำหนดจัดโครงการ “ท่องเที่ยว ไหมไทย สร้างสรรค์ชุมชน สู่เส้นทางโลก”(Creative Local Silk Tourism for the World) จัดในวันที่ 22-23 กันยายน 2563 ณ ชั้น G ลานเมือง 1 และ ลานเมือง 2 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและผู้ประกอบการผ้าไหมทั่วประเทศได้นำสินค้ามาจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมหมู่บ้านผ้าไหมไทยทั่วประเทศร่วมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ภายในงานประกอบด้วย จอ LED จำนวน 16 จอ เพื่อฉายวีดีทัศน์ของแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของประเทศไทย 4 ภาค
และเป็นครั้งแรกที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้ วีดีทัศน์ส่งเสริมการท่องเที่ยวแสดงแสงสีเสียงบนจอ LED , สื่อดิจิตอลเพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น Google map และ QR Code เมื่อสแกนจะพบเส้นทางคมนาคมไปถึงหมู่บ้านผ้าไหมต่างๆ เพื่อให้ผู้ที่สนใจเดินทางไปจังหวัดต่างๆได้สะดวก, การสัมภาษณ์ชาวเกษตรกรผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมและให้ชมบริเวณผลิตผ้าไหมและบรรยากาศหมู่บ้านผ้าไหมจังหวัดต่างๆ , บูธแสดงสินค้าไม่ต่ำกว่า 30 บูธ จาก 4 ภาคของประเทศไทยที่มีหมู่บ้านผ้าไหม เพื่อให้ชุมชนนำสินค้ามาจัดแสดงและจำหน่ายภายในงาน , จัดแฟชั่นโชว์โดยนางแบบชั้นนำนานาชาติเพื่อดึงดูดให้คนมาชมงานและจับจ่ายใช้สอยสินค้าภายในงาน โดยจะจัดแฟชั่นโชว์ทุกวันๆละ 2 รอบ และจัดนิทรรศการชุดเสื้อผ้าที่ตัดเย็บโดยดีไซน์เนอร์ต่างชาติไม่ต่ำกว่า 30 ประเทศ
การจัดงานในครั้งนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสู่หมู่บ้านผ้าไหมทั่วประเทศเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ผู้ผลิตผ้าไหม ผู้ประกอบการผ้าไหมและชุมชนให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้นหลังวิกฤตเศรษฐกิจและการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า (Covid-19 )