เมื่อวันที่ 16 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.อ.ปียรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.191 กำลังเดินทางกลับจากปฏิบัตภารกิจ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 เมื่อมาถึงบริเวณ กม.ที่ 176 ฝั่งมุ่งหน้ากรุงเทพฯ ก็เห็นอุบัติเหตุ รถกระบะเฉี่ยวชน รถจยย. ทำให้มีผู้บาดเจ็บเป็นหญิง 2 ราย นอนอยู่บนพื้นที่ถนนจึงรีบจอดรถลงไปตรวจสอบ พบว่าหญิงรายแรกยังมีสติถามตอบรู้เรื่อง แต่อีกรายอาการสาหัส นอนหมดสติอยู่กลางถนน พ.ต.อ.ปิยรัช จึงรีบช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยทำ ซีพีอาร์ และใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ AED จนผู้บาดเจ็บสามารถฟื้นหายใจได้ก่อนประสานทีมฉุกเฉินของ รพ.ใกล้เคียง มารับไปรักษาต่อไป
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวว่า หลังจากประสบเหตุ พบว่ามีผู้บาดเจ็บ จึงประเมินสถานการณ์ พร้อมตรวจสอบโดยการตีที่ไหล่ แล้วเรียกด้วยเสียงดัง 4-5 ครั้ง และทำจับชีพจร จนพบว่า หมดสติจริง เนื่องจากการทำซีพีอาร์นั้น ไม่ควรทำขณะที่ผู้บาดเจ็บยังมีสติ กรณีนี้ผู้บาดเจ็บไม่มีสติหยุดหายใจ จึงตัดสินใจทำซีพีอาร์ ด้วยการกดหน้าอก ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที พร้อมกับนำเครื่องกระตุ้นหัวใจ AED ซึ่งติดอยู่ในรถที่ตนขับมาช่วยด้วย จนกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ระหว่างนั้นได้ให้ประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุช่วยโทรศัพท์แจ้งโรงพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บส่งไปรักษาต่อ ทั้งนี้การปั๊มหัวใจถือได้ว่าเป็นประโยชน์ในยามสถานการณ์คับขัน หากทำซีพีอาร์อย่างถูกวิธีจะสามารถช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นกะทันหันได้
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวว่า หลังจากประสบเหตุ พบว่ามีผู้บาดเจ็บ จึงประเมินสถานการณ์ พร้อมตรวจสอบโดยการตีที่ไหล่ แล้วเรียกด้วยเสียงดัง 4-5 ครั้ง และทำจับชีพจร จนพบว่า หมดสติจริง เนื่องจากการทำซีพีอาร์นั้น ไม่ควรทำขณะที่ผู้บาดเจ็บยังมีสติ กรณีนี้ผู้บาดเจ็บไม่มีสติหยุดหายใจ จึงตัดสินใจทำซีพีอาร์ ด้วยการกดหน้าอก ในอัตราเร็ว 100-120 ครั้งต่อนาที พร้อมกับนำเครื่องกระตุ้นหัวใจ AED ซึ่งติดอยู่ในรถที่ตนขับมาช่วยด้วย จนกลับมามีชีพจรอีกครั้ง ระหว่างนั้นได้ให้ประชาชนที่อยู่ในที่เกิดเหตุช่วยโทรศัพท์แจ้งโรงพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บส่งไปรักษาต่อ ทั้งนี้การปั๊มหัวใจถือได้ว่าเป็นประโยชน์ในยามสถานการณ์คับขัน หากทำซีพีอาร์อย่างถูกวิธีจะสามารถช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บหรือผู้ป่วยที่หัวใจหยุดเต้นกะทันหันได้