เมื่อวันที่ 16 ก.ย.เวลา 09.45 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงินไม่เกิน 3.3 ล้านล้านบาท ทั้งนี้ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายชวน ได้แจ้งกับสมาชิกว่า  จะใช้เวลา 3 วัน  ทั้งนี้กรณีที่มีการวิจารณ์ว่าการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ 64  ล่าช้านั้่น ข้อเท็จจริงไม่ช้า แต่สำนักงบประมาณ ส่งร่าง พ.ร.บ.ฯ ส่งให้สภาฯ เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. และขอให้สภาฯ พิจารณาในสัปดาห์ถัดไป แต่เมื่อได้รับเอกสารแล้วพบว่าเอกสารงบประมาณมีจำนวนมาก หากให้เวลาเพียง 7 วันอาจดูไม่ทั่วถึง จึงขอขยายเวลาให้ ส.ส. ดูเอกสาร รวม 14 วัน และนำมาพิจารณาในวันที่  2-3 ก.ค. ทั้งนี้เป็นเหตุผลของสภาฯ ไม่ใช่ความผิดของสำนักงบประมาณ ขณะเดียวกันตามกฎหมายกำหนดให้สภาฯ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ  ให้แล้วเสร็จภายใน  105 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่​ 28 ก.ย.ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาล่าช้า  ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงว่า 16 - 18 ก.ย.โดยวันที่ 16 ก.ย.จะพิจารณาเกินเวลา 24.00 น. และในวันที่ 17 ก.ย.จะเริ่มพิจารณาเวลา 09.30 น. ส่วนการพิจารณาวันที่ 18 ก.ย.ต้องการเสร็จก่อนเวลา 24.00 น. เพราะเวลา 21.00 น.​ต้องสรุป เพื่อลงมติวาระสาม และข้อสังเกตของกมธ.ฯ​ ส่วนเวลาอภิปรายนั้นขอให้ประธานที่ประชุมพิจารณาใช้ข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัด และให้สิทธิผู้อภิปรายเฉพาะกมธ. และส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติ ทั้งนี้ขอให้ตรวจสอบการจ่ายไฟฟ้าภายในรัฐสภา เพื่อไม่ให้กระแสไฟฟ้าขัดข้อง และกระทบต่อการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ64 เนื่องจากเมื่อวันจันทร์ที่ 14  ก.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุม คณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบ่ล ฝนตกนิดเดียวน้ำท่วมบริเวณหม้อแปลงต้องปิดไฟ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากนั้นฝ่ายค้านลุกขึ้นประท้วงเวลาเพียง 7 นาทีไม่เพีนงพอ เพราะต้องการชี้ให้เห็นว่าการจัดงบประมาณครั้งนี้ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ และมีการกู้เงินมาใช้จ่ายอีกจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้จะมีฝนตกหนัก เนื่องจากมีพายุระดับ 2 (ดีเปรสชั่น) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 3 (พายุโซนร้อน) ”โนอึล” คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง แล้วเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือของประเทศไทยในช่วงวันที่ 18-20 ก.ย. ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงด้วย