เมื่อวันที่ 14 ก.ย.นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (กล่าวถึงกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า เสนอยุบศาลรัฐธรรมนูญโดยอ้างว่ามีส่วนในการก่อวิกฤติให้กับบ้านเมือง ว่า นายปิยบุตร คงเข้าใจผิดในสาระสำคัญตามความเป็นจริง เป็นอาจารย์ที่สอนกฎหมายแต่กลับพูดจาไม่ตรงไปตรงมา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีแต่ละเรื่องล้วนแล้วแต่มาจากการกระทำของตัวบุคคลและพรรคการเมืองที่ได้ปฏิบัติตนขัดต่อกฎหมายบ้านเมืองทั้งสิ้น ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างเรื่องขึ้นมาเอง แต่เกิดจากการสร้างเรื่องของผู้กระทำความผิดเองทั้งสิ้น การกล่าวหาเช่นนี้เปรียบเสมือนการใส่ร้ายศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะไม่เป็นธรรม ทุกคดีมีที่มาที่ไปทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหากศึกษาให้ถ่องแท้แล้วก็จะเห็นความจริง อย่าวิพากษ์วิจารณ์โดยมีอคติ หากไม่มีสถาบันตุลาการเชื่อว่าบ้านเมืองจะวิกฤติมากกว่านี้เพราะนักการเมืองที่ใช้อำนาจตามอำเภอใจ คิดว่ามีเสียงข้างมาก มีมวลชนสนับสนุนจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งไม่ถูกต้องเสียงข้างมากไม่เหนือไปกว่ากฎหมายและความถูกต้อง การกดบัตรแทนกันเพื่อออกเสียงลงคะแนนในสภา การใช้เสียงข้างมากผลักดันกฎหมายตามที่ตนต้องการ การที่มีคนในพรรคการเมืองซื้อเสียงจนถูกยุบพรรค การแก้รัฐธรรมนูญแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของพวกพ้องโดยไม่ใยดีต่อกฎหมาย ฝ่ายบริหารมีการทุจริต พรรคการเมืองใช้กลวิธีผิดไปจากกฎหมายพรรคการเมืองในการรับบริจาคเงิน ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามีความผิด "อยากถามนายปิยบุตรว่าสิ่งที่กล่าวมานี้คุณเห็นว่าถูกต้องแล้วหรือ ในฐานะที่เป็นอาจารย์ที่สอนกฎหมายควรที่จะมีหลักคิดมีวิจารณญาณมากกว่านี้ไม่ใช่ให้ร้ายกระบวนการยุติธรรม เพราะถ้าคิดแบบนายปิยบุตรก็ไม่ต่างจากแนวคิดของคนหลายคนที่อยู่ในคุก เพราะเข้าใจว่าความคิดที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ตอนที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติมีการทุจริต ใช้เสียงข้างมากในสภาข่มเหงเสียงข้างน้อย การข่มขู่คุกคามตุลาการ ตอนนั้นนายปิยบุตรเงียบกริบ การกระทำในอดีตทำให้เราได้เห็นความจริงในตัวนายปิยบุตรมากขึ้น"นายราเมศ กล่าว