ทิศทางลมการเมืองวันนี้ กำลังแปรเปลี่ยนไป จนสังเกตได้ว่า จากที่เคย “ร้อน” ก็เริ่มปรับโหมด “สงบ” ลง เมื่อ “รัฐบาล” ของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปลี่ยนท่าทีไปจากเดิม
จากที่เคย “รุกไล่” กลับเริ่มเป็นฝ่าย “ถอย” อะไรที่จะเป็น “เงื่อนไข” นำไปสู่ การโหมไฟให้รุนแรง ก็เลือกที่จะโอนอ่อน ผ่อนตามลดแรงกดดันเลือก ดึง “ฟืน” ออกจาก “กองไฟ”
สถานการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ต่างไปจากการดำรงอยู่ในท่ามกลาง “สมรภูมิรบ” จะผิดแผกแตกต่างกันก็ตรงที่ สมรภูมินี้ ไม่เหมือนกับรูปแบบการรบของทหารหาญ เพราะไม่สามารถใช้สรรพกำลัง ทั้งกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ เอาชัยกับ “ฝ่ายตรงข้าม”ได้
แต่สำหรับสมรภูมิทางการเมืองที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองเผชิญอยู่คือการรับมือกับปัญหาจากการบริหารจัดการบ้านเมือง ไปพร้อมๆกับการดำรงอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง และความเห็นต่างอุดมการณ์ทางการเมือง ไปจนถึงการถูกตรวจสอบจากสาธารณะทั้งทางตรงและทางอ้อม
หากเป็นเมื่อก่อนพล.อ.ประยุทธ์ คงใช้บทแข็งกร้าว แต่เมื่อวันนี้ดูเหมือนบรรยากาศรอบทิศรอบทางจะไม่เป็นใจเท่าใดนัก ถ้าเลือกที่จะดึงดัน เดินหน้าบุกฝ่าออกไป โดยไม่ประเมินทิศทางลมร้อน โอกาสที่จะเสีย มากกว่าได้
การเคลื่อนไหวของ “กลุ่มเยาวชนปลดแอก” ที่มีแกนนำเป็นเยาวชน นักศึกษา พากันจัดเวทีขับไล่รัฐบาล ในสถานศึกษา มาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้ชู 3ข้อเรียกร้อง ซึ่งประกอบด้วย 1.ให้แก้รัฐธรรมนูญ 2. ยุบสภาฯ และ3.รัฐต้องหยุดคุกคามประชาชน
และดูเหมือนว่าข้อเรียกร้องประการแรก ที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กำลังรุดหน้าไปตามกระบวนการขั้นตอน โดยมีพรรคพลังประชารัฐ และกลไกของรัฐบาล ดึงเรื่องเข้าสู่สภาฯ เพื่อเริ่มนับหนึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 ซึ่งเป็นฉบับที่พรรคการเมือง หลายพรรค โดยเฉพาะฝ่ายค้านไม่อาจยอมรับได้
เมื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เปิดฉากขึ้นความวุ่นวายและแรงกดดันที่มีมากมาย ได้พุ่งเข้าใส่รัฐบาลทันที เมื่อทั้งพรรคฝ่ายค้าน จับมือกับพรรคการเมืองในปีก “พรรคร่วมรัฐบาล” ให้ลงชื่อสนับสนุนในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของพรรคก้าวไกล ที่มีเป้าหมาย “ปิดสวิตช์ส.ว.” ตัดอำนาจของส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในสภาฯ
แม้งานนี้ “วิปรัฐบาล” ไปจนถึง “แกนนำ” ของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคประชาธิปัตย์เอง ต้องส่งสัญญาณไปยังส.ส.ของพรรคตนเอง กลับมาอยู่ในแถว ตามมาด้วยส.ส.ฝ่ายรัฐบาลไปลงชื่อร่วมหนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคก้าวไกล ได้ทยอย “ถอนชื่อ” ออก จนทำให้ญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคก้าวไกล “แท้ง” ไปไม่ถึงเป้าหมาย
แต่อย่าลืมว่านี่คือการส่งสัญญาณจาก “พรรคร่วมรัฐบาล”ด้วยกันเองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และในฐานะ “หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” ว่า อย่าประมาท หรือประเมินสูงเกินไปว่า ฝ่ายรัฐบาลจะ “เอาอยู่” คุมทุกเสียงได้เบ็ดเสร็จ
มิหนำซ้ำ “250 ส.ว.” ที่เลือกมากับมือ ล่าสุดยังเกิดอาการ “เสียงแตก” ออกอาการ ว่าจะยอมเป็นฝ่าย “ปิดสวิตช์”ตัวเอง โดยยอมให้ “สภาล่างฯ” เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตัดอำนาจของ ส.ว. ออก เพื่อแลกกับการที่จะมีส.ว.อยู่ใน “สภาฯสูง” ต่อไป
จนเกิดเป็นเสียงเย้ยเยาะจากพรรคฝ่ายค้าน ไปจนถึง “ม็อบประชาชนปลดแอก” นอกสภาฯ ในท่วงทำนองว่า แม้แต่ส.ว.รัฐบาลก็คุมไม่อยู่ เลือก “ลอยแพ” พล.อ.ประยุทธ์ เสียอย่างนั้น
ทว่าในอีกทางหนึ่งมีรายงานว่า การออกแอ็กชั่นจาก “กลุ่ม 60 ส.ว.อิสระ” ที่เป็นหัวหอกนำตัดอำนาจของตัวเองนั้น เป็นเพราะ ได้รับ “ใบสั่ง” จาก “บิ๊กรัฐบาล”ให้ออกมาเล่นบทนี้ เพื่อเบรคแรงต้าน และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลเองก็พร้อมที่จะ “รับฟัง” ฝั่งตรงข้าม เท่ากับเป็นการ “เปิดทาง” ให้ทั้ง “ม็อบประชาชนปลดแอก”และ ฝ่ายค้านในสภาฯ ได้พอมีความหวัง !
ถึงกระนั้นเกมแก้รัฐธรรมนูญ ยังคงเป็น “ซีรีส์เรื่องยาว” ที่ทั้ง ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคการเมืองปีกตรงข้ามจะต้องห้ำหั่นกันไปอีกพักใหญ่ เพราะเกมนี้เพิ่งเริ่มต้น จะสุดท้ายปลายทาง ยืดยาวไปจนถึงโอกาสที่จะได้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ “โละทั้งฉบับ” เพื่อเขียนกติกาขึ้นมาใหม่ ตามที่พรรคฝ่ายค้านต้องการ เกมก็จะยังไม่ยุติลงในวันนี้ พรุ่งนี้ มิหนำซ้ำยังแว่วว่า งานนี้รัฐบาลอาจใช้วิธีลากยาว “ซื้อเวลา”ไปจนกว่า ฝุ่นควัน ทั้งในและนอกสภาฯจะสงบลง
กลับมาที่เกมการเมือง นอกสภาฯ ที่ม็อบประชาชนปลดแอก พร้อมทั้งพันธมิตรแนวร่วมอันมีเป้าหมาย “โค่นรัฐบาล” ได้ประกาศปักหมุดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แถลงทิศทางการชุมนุม ที่จะยึดเอามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปจนถึง สนามหลวง เป็นชัยภูมิหลัก ปักหลักประท้วงขับไล่รัฐบาลชนิดยืดเยื้อไม่เลิกรา อีกทั้งยังประกาศกร้าวว่าการชุมนุมครั้งนี้ แกนนำจะพูดถึง “10ข้อเสนอ” อันชัดเจนว่า พาดพิงถึงสถาบันโดยไม่เกรงใจใครอีกต่อไป
“วันที่ 19 ก.ย. จะเป็นวันประวัติศาสตร์ ยกระดับการต่อสู้สร้างแผลให้เผด็จการอย่างไม่รู้ลืม อย่างที่นายอานนท์ นำภา พูดว่ามีบิ๊กเซอร์ไพรส์เบิ้มๆ ขอใช้เครดิตการต่อสู้ที่ผ่านมา พี่น้องจะไม่กลับมือเปล่าแน่นอน จะประกาศชัยชนะ ถ้ามากันมากชัยชนะจะยิ่งใหญ่” พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ระบุ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายฝ่ายอดที่จะวิตกกังวลไม่ว่า การชุมนุมขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในวันที่ 19ก.ย.นี้อาจจะเกิดความรุนแรง ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต หรือไม่ ยิ่งเมื่อแกนนำคนสำคัญถูกจับกุม ทั้ง “ไมค์ ระยอง” ภาณุพงศ์ จาดนอก และ “ทนายอานนท์” อานนท์ นำภา โดยมีการควบคุมตัวเอาไว้ในเรือนจำ จะกลายเป็น “เงื่อนไข” เพิ่มความร้อนแรง สุมไฟในการชุมนุมใหญ่ 19ก.ย.หรือไม่
แต่แล้ว ทั้งทนายอานนท์ และไมค์ ระยอง ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อวันทิ่ 3ก.ย.ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ยื่นคำร้องขอให้ยกเลิกการฝากขัง ผู้ต้องหาทั้งสอง โดยระบุเหตุผลในคำร้องว่าได้ทำการสอบสวนมาพอสมควรแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องขังผู้ต้องหาทั้งสองระหว่างการสอบสวนอีกต่อไป
การที่ทั้งทนายอานนท์ และไมค์ ระยอง เป็นอิสระ และจะได้มาร่วมการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ทำให้ถูกตีความไปต่างๆนานา ว่า รัฐบาลหวังที่จะให้ทั้งคู่กระทำความผิดซ้ำ จากนั้นจะใช้ข้อหาแรง จัดการเบ็ดเสร็จในช็อตต่อไปก็ตาม ทว่า อีกด้านหนึ่งกลับมีการตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลส่งสัญญาณให้ปล่อยตัว เพื่อลดอุณหภูมิก่อนวันชุมนุม มากกว่าจะเลือกใช้ “ไม้แข็ง”เข้าเล่นงาน
อาการถอยจากพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มแจ่มชัดมากขึ้น เมื่อพบว่า จังหวะนี้เมื่อไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะแข็งขืน ยืนฝืนต้านกระแสได้อีกต่อไป ยังสะท้อนได้จากการหันมา “ทำแต้ม” ด้วยการเดินหน้าให้มีการ “รื้อคดีบอส อยู่วิทยา” ส่งมือดี อย่าง “วิชา มหาคุณ” ลงไปนั่งเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบฯจนพบว่า คดีดังกล่าว “ผิดปกติ” ตั้งแต่แรก เรียกว่า มีปัญหาทั้งกระบวนการ จนล่าสุดวิชา ได้ส่งรายงานถึงมือนายกฯไปเรียบร้อยแล้ว
ว่ากันว่า “คดีบอส” นี่เอง อาจเป็น ทางที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ พลิกกลับมาได้แต้มอีกครั้ง ในยามที่สถานการณ์รอบด้าน แทบจะ “ติดลบ”ทุกประตู
วันนี้ เวลานี้ เมื่อมรสุม กำลังโหมเข้าใส่ทั้งในและนอกสภาฯ อย่างต่อเนื่อง แทบไม่เว้นวรรคให้พล.อ.ประยุทธ์ได้หายใจหายคอ ขืนเดินหน้าต่อไปในมิติเดิม ใช้ “ไม้แข็ง” เข้าต่อกร คงไม่มีอะไรดีขึ้น หากแต่ตัดสินใจเลือก “ถอย” เพื่อผ่าทางตัน ย่อมเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด ในการที่จะรักษาที่อยู่ที่ยืนของตัวเอง เอาไว้ได้ !