จากการดำเนินธุรกิจสหกรณ์ที่หลากหลายและมีมูลค่าสูง ซึ่งต้องมีการบริหารจัดการทางบัญชีที่รอบคอบ แม่นยำ โปร่งใส เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิก สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด จ.พิษณุโลก จึงนำโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (FAS ) ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เข้ามาช่วยบริหารจัดการ จนทำให้การดำเนินงานของสหกรณ์ มีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัว ได้รับการไว้วางใจจากสมาชิกมากขึ้น
นางกฤษณา ธรรมชีวิน ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2520 ประกอบธุรกิจสินเชื่อ ธุรกิจรับฝากเงิน ธุรกิจจัดสินค้ามาจำหน่าย และธุรกิจรวบรวมผลผลิต เช่น ข้าว ข้าวโพด ธุรกิจแปรรูปเมล็ดพันธุ์ข้าว ข้าวสารแบรนด์บางระกำ มีทุนการดำเนินงาน ณ วันปิดบัญชี 21 มีนาคม 2563 จำนวน 354 ล้านบาท มีเงินฝากจากสมาชิก 107 ล้านบาท
ผลดำเนินงานปี 2563 มีกำไรสุทธิ 8,600,000 บาท มีมูลค่าจากธุรกิจขายบริการ 678 ,300,000 บาท และกำไรจากธุรกิจสินเชื่อ 11 ล้านบาท โดยสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีหลากหลายประเภท การดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ฯ จึงต้องเชื่อมโยงธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย ธุรกิจสินเชื่อ และธุรกิจรวบรวมผลผลิตไว้ด้วยกัน เพื่อให้สมาชิกได้รับบริการอย่างครบวงจรและเป็นระบบ นอกจากนี้ สหกรณ์ฯ ยังมีโครงการส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิกอีกหลายโครงการ เช่น โครงการส่งเสริมปลูกข่าตาแดง ปลูกพริก ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ผลิตข้าว กข.43 รวมถึงทำการปศุสัตว์ เป็นต้น โดยสหกรณ์ฯ จะให้สินเชื่อหรือสนับสนุนปัจจัยการผลิตแก่สมาชิกที่ร่วมโครงการ และรวบรวมผลผลิตของสมาชิกเพื่อจัดจำหน่าย เมื่อสมาชิกจำหน่ายผลผลิตแล้วจึงนำเงินกู้มาคืนให้กับสหกรณ์
สหกรณ์ฯ ดำเนินธุรกิจและจัดกิจกรรมส่งเสริมอาชีพให้กับสมาชิกที่หลากหลาย การบริหารจัดการทางบัญชี จึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ โปร่งใส ซึ่งในอดีตเคยทดลองนำโปรแกรมบัญชีของเอกชนมาใช้ แต่ก็ยังพบปัญหาในบางประการ จนกระทั่งสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์พิษณุโลก กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะนำให้สหกรณ์นำโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (FAS) ซึ่งเป็นนวัตกรรมของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เข้ามาช่วยในการบริหารงาน จึงทำให้สหกรณ์ฯ มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางบัญชีมากขึ้น
สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด ถือเป็นสหกรณ์แรกในจังหวัดพิษณุโลก ที่ใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (FAS) ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์มาใช้ ทำให้การบริหารงานของสหกรณ์มีความคล่องตัวในหลายๆ ด้านคณะกรรมการสหกรณ์สามารถนำข้อมูลสารสนเทศทางการเงิน มาใช้ประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการได้รวดเร็ว สามารถใช้ข้อมูลของแต่ละโปรแกรมในการตรวจสอบรายงานสถานะทางการเงินและแยกประเภทได้ทุกสิ้นวัน และในการปิดบัญชีประจำปี สามารถจัดพิมพ์รายงานการเคลื่อนไหวและยอดคงเหลือต่างๆ ในการจัดทำรายละเอียดประกอบงบการเงิน เพื่อจัดส่งให้ผู้สอบบัญชีได้ มีระบบเตือนภัยทางการเงิน ระบบการออกใบเสร็จต่างๆ ที่มีความสะดวกและแม่นยำมากขึ้น รวมถึงยังสามารถดูรายงานและวิเคราะห์หนี้ของสมาชิกได้ ช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้โปรแกรมฯ ให้ดียิ่งขึ้น
ในปีนี้ สหกรณ์ฯ ยังได้จัดทำแผนกลยุทธ์ภายใต้พันธกิจ “สหกรณ์จะเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สหกรณ์ ด้วยโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจรอย่างมีประสิทธิภาพ” ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์ฯ ได้กำหนดนโยบายที่จะร่วมพัฒนาโปรแกรมระบบบัญชีครบวงจรร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินงานที่หลากหลายของสหกรณ์ฯ
นางกฤษณา กล่าวอีกว่า การใช้งานโปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร ไม่มีความยุ่งยาก ซับซ้อน สามารถเรียนรู้ ทำความเข้าใจง่าย เพียงแต่สหกรณ์ที่จะนำโปรแกรมดังกล่าวมาใช้ จะต้องพัฒนาบุคลากรผู้ปฏิบัติงานให้มีความรู้ ความสามารถและพัฒนาตนเองอยู่เสมอ ซึ่งในส่วนของสหกรณ์การเกษตรนิคมฯ บางระกำ จำกัด จะมีการอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเพื่อเสริมสร้างความรู้และเพิ่มศักยภาพในการทำงาน ให้มีความรู้ด้านการใช้โปรแกรมฯ และการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ รวมถึงเรียนรู้การแก้ไขปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ และแก้ไขระบบโปรแกรมฯ หากเกิดกรณีมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งจะมีวิทยากรทั้งในส่วนของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์เข้ามาให้คำแนะนำตามที่สหกรณ์ร้องขอ ทำให้การใช้โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจรของสหกรณ์มีความคล่องตัว เมื่อเกิดข้อขัดข้องทางโปรแกรมฯ ผู้ปฏิบัติงานสามารถเชื่อมโยงกับระบบของสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์พิษณุโลก เพื่อแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาแก้ไข ลดอุปสรรคในการทำงานได้เป็นอย่างดี และในปีนี้สหกรณ์ฯ มีแผนที่จะจัดทำคู่มือการใช้โปรแกรมฯ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในแต่ละฝ่ายได้นำไปใช้ประกอบการใช้งาน เพิ่มความแม่นยำและเพิ่มประสิทธิภาพอีกด้วย
สหกรณ์ฯ ยังได้นำนวัตกรรม Smart4M ที่สามารถใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายมาส่งเสริมให้ผู้บริหารสหกรณ์และสมาชิกใช้ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งนวัตกรรม Smart4M นี้ จะช่วยให้ทั้งผู้บริหารและสมาชิกสหกรณ์ สามารถตรวจสอบฐานะทางการเงินของสหกรณ์และของตนเองได้ตลอดเวลา ช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิก แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรผู้สูงอายุ ที่ยังไม่ถนัดในการใช้เทคโนโลยี และบางคนอาจจะยังไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัยหรือความพร้อมในการใช้งานแอปพลิเคชั่นเหล่านี้ สหกรณ์จึงต้องค่อยๆ ให้คำแนะนำ โดยอาศัยลูกหลานซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาช่วย พร้อมทั้งทางสหกรณ์จะมีคอมพิวเตอร์ส่วนกลางรองรับการบริการให้สมาชิกที่ไม่มีเครื่องมือที่ทันสมัย เข้ามาตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ของตนเองที่สหกรณ์ได้ โดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ
“โปรแกรมระบบบัญชีสหกรณ์ครบวงจร (FAS) ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เป็นระบบที่ดี ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางบัญชีให้กับสหกรณ์มีความคล่องตัว แม่นยำ สามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้บริหารสหกรณ์ สมาชิกและผู้สอบบัญชี ทำให้เกิดความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นกับสมาชิก และทำให้สหกรณ์มีความเข้มแข็ง”นางกฤษณา กล่าว