นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลจังหวัดสระบุรีเพื่อเรียกค่าไถ่ว่า ที่โรงพยาบาลจะมีการแถลงข่าวถึงเรื่องนี้โดยจะมีผอ.ศูนย์เทคโนโลยีมาแถลงในรายละเอียดของไวรัสในคอมพิวเตอร์ ส่วนตัวไม่ค่อยทราบรายละเอียดอะไรมากจะทราบเฉพาะไวรัสในคน เพียงแต่ทราบว่าไวรัสตัวนี้ จะทำให้เราเข้าไม่ถึงข้อมูล และทราบว่ามีการแฮกมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าตอนนี้ยังกู้ไม่ได้ใช่หรือไม่ นพ.สุระ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลก็พยายามกู้ไปเรื่อยๆ คือแฮกไป กู้ไป การแฮกตรงนี้ เราจะไม่สามารถใช้ข้อมูลที่เราเก็บได้ ต้องใช้ระบบแมนนวลไปก่อน เช่นจากเดิมคนไข้เอ็กซ์เรย์แล้ว ผลจะส่งกลับมาหาหมอที่ตรวจคนไข้เลย แต่หลังจากถูกแฮก เมื่อคนไข้ไปเอ็กซ์เรย์ หมอจะเดินไปดูผลที่แผนกเอ็กซ์เรย์เอง ซึ่งอาจต้องใช้เวลา ทั้งนี้การให้บริการประชาชนยังทำได้เหมือนเดิม แต่อาจจะล่าช้ากว่าเดิมเพราะเราเข้าไม่ถึงข้อมูลทั้งหมดที่เรามีอยู่
นพ.สุระ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ในภาพใหญ่แต่ละโรงพยาบาลจะมีระบบป้อง มีการสำรองข้อมูลในส่วนที่ไม่ต้องเชื่อมโยงทั้งระบบ เพราะเมื่อไหร่ที่เป็นระบบเชื่อม พอไวรัสเข้าไป จะทำให้เราไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ หากเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นปัญหา ดังนั้นแต่ละหน่วย แต่ละโรงพยาบาลจะพยายามแบล็คอัพข้อมูลของตัวเองไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่าตกลงเราต้องจ่ายเงินให้คนที่เข้ามาแฮกข้อมูลแล้วเรียกค่าไถ่หรือไม่ นพ.สุระ กล่าวว่า ยังไม่จ่าย เรากำลังเก็บกู้อยู่ ตอนนี้ทางโรงพยาบาล กำลังขอความร่วมมือจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เข้ามาช่วยดูด้วย แต่เรายังไม่ทราบรายละเอียดว่าการแฮกข้อมูลตรงนี้มาจากไหน อย่างไร แต่ทั้งนี้ได้มีการเตือนและทุกโรงพยาบาลกก็รับทราบแล้ว
เมื่อถามว่า ต้องยกเครื่องระบบเทคโนโลยีของกระทรวงสาธารณสุขใหม่หรือไม่ นพ.สุระ กล่าวว่า ไม่ต้องยกเครื่องใหม่หรอก เพราะระบบเดิมมันมีอยู่แล้ว ทุกโรงพยาบาลจะมีระบบการให้บริการคนไข้ มีคนคอยดูแลในระดับหนึ่งเพราะโรงพยาบาลทุกแห่งก็จ้างนักคอมพิวเตอร์ดูแลระบบเขาอยู่แล้ว