เมื่อสมาคมโรงแรมภูเก็ต ร่วมกับ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส เปิดผลสำรวจหลังวิกฤติโควิด-19 รวมถึงภูเก็ตโมเดลชะงัก ส่งผลให้ตัวเลขผู้โดยสารขาเข้าของสนามบินภูเก็ตลดลง คนตกงานกว่า 50,000 ตำแหน่ง เป็นตัวบ่งชี้ให้เห็นถึงอุตสาหกรรมโรงแรมในภูเก็ตกำลังถึงจุดแตกหัก และจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางเศรษฐกิจอย่างมากจากรัฐบาล เพื่อสามารถอยู่รอดได้ในช่วงไฮซีซั่น แอนโทนี ลาร์ค ทั้งนี้ นายแอนโทนี ลาร์ค ประธานสมาคมโรงแรมภูเก็ต กล่าวว่า ตัวเลขอัตราการการเข้าพักโรงแรมในภูเก็ตตอนนี้เป็นเลขหลักเดียว อุปสงค์การท่องเที่ยวภายในประเทศไม่มากพอที่จะสามารถป้องกันการสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทำให้วิกฤตการณ์ทางการเงินของเจ้าของและผู้ประกอบการลดลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้นทางกลุ่มโรงแรมจึงขอสนับสนุนการเปิดเมืองที่ปลอดภัย ปฏิบัติได้จริง และมีกลยุทธ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประการแรก ต้องมีการเจรจาเชิงรุกระหว่างภาครัฐและเอกชนมากขึ้น เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนให้เกิดความร่วมมือ ประการที่สอง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องพิจารณามาตรการเงินกู้ระยะสั้นช่วยเหลือโรงแรมในการดำเนินงานเพื่อรับมือกับเศรษฐกิจที่ทรุดตัว รวมทั้งรักษาตำแหน่งงานในภาคธุรกิจให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าปราศจากการปกป้องและดูแลพนักงานอาจจะไม่มีการฟื้นตัวเลย บิล บาร์เน็ต ด้านนายบิล บาร์เน็ต กรรมการผู้จัดการ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส กล่าวว่า ความล้มเหลวของประเทศไทยในการเปิดตัวภูเก็ตโมเดล ทำให้เกิดสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมการบริการของภูเก็ต เนื่องจากทำให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโนไม่เพียงแต่กับโรงแรมและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวเท่านั้นแต่ยังส่งผลต่อการพัฒนา ทั้งในงานก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์ การค้าปลีก จนในที่สุดจะส่งผลถึงผู้บริโภค ซึ่งสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงเนื่องจากโรงแรมที่ดำเนินกิจการยังคงต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น แผนการเปิดเมือง ไม่เพียงแต่จะต้องมีการวางแผนเป็นอย่างดี แต่จะต้องเอาชนะใจคนไทยให้ได้ว่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ ในขณะที่ภูเก็ต ถือเป็นกุญแจสำคัญของไทยในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว แต่ประเด็นที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ การที่โรงแรมจะต้องต่อสู้เพื่อความเป็นอยู่ของทุกคนในสภาพปัจจุบัน โดย ผู้ประกอบการโรงแรมและการท่องเที่ยวในภูเก็ต เห็นว่า สถานการณ์ของโรงแรมในภูเก็ตเวลานี้อยู่ในขั้นตอนการตกลงที่ยังหาจุดลงตัว ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่นเกี่ยวกับโปรแกรม Safe and Sealed (การพักระยะยาวที่ปลอดภัย) ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกคำเตือนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างหนัก ส่งผลให้ช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึงของภูเก็ตยังคงมีความท้าทายเป็นอย่างมาก สำหรับ สมาคมโรงแรมภูเก็ต และ ซีไนน์ โฮเทลเวิร์คส ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการบริการระดับเอเชีย ได้ระบุ ว่า ขณะนี้ธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวภูเก็ตกำลังเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจของภูเก็ต โดยมีรายงานผลกระทบของโควิด-19 ต่อการพัฒนาโรงแรม โดย 69% ถูกชะลอหรือถูกระงับ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ณ สิ้นปี 2562 มีสถานประกอบการที่พักที่ได้รับใบอนุญาต 1,758 แห่งบนเกาะ และโครงการที่เข้ามาในปัจจุบันอยู่ที่โรงแรม 58 แห่ง คิดเป็นอุปทานที่เพิ่มขึ้น 19% จากการวางแผนห้องพักเพิ่ม 16,476 ห้อง ขณะที่ ข้อมูลจากท่าอากาศยานไทย (ทอท.) แสดงให้เห็นว่า ผู้โดยสารขาเข้ามีจำนวนลดลงถึง 65% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคมของปี 2563 นอกจากนั้น สิ่งที่เห็นชัด คือห้องพัก 86,000 ห้องในสถานประกอบการที่พักที่จดทะเบียนในภูเก็ตไม่สามารถคุ้มทุนได้จริง หรือแม้กระทั่งรักษากระแสเงินสดให้เป็นบวกต่อนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้น ดังนั้น หากไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล หรือไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา จะสร้างความสูญเสียอย่างมาก รวมถึงจะมีการว่างงานถึง 50,000 ตำแหน่งในภาคโรงแรมในปีนี้ รวมทั้งโครงการการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ภายใต้ภูเก็ตโมเดล (Phuket Model) ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ รวมถึงโปรแกรม Alternative Local State Quarantine (ALSQ) ที่มีโรงแรมมากกว่า 60 ในภูเก็ตที่ผ่านเกณฑ์ แต่เนื่องจากไม่มีเที่ยวบินตรงไปยังภูเก็ต รัฐบาลจึงต้องการการสนับสนุนที่กว้างขึ้นในการเดินทางของนักเดินทางระหว่างประเทศ และต้องใช้เวลายื่นเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก่อนที่จะเกิดขึ้นจริงอาจนานหลายเดือนจนไม่ทันช่วงไฮซีซั่นนี้ด้วย