DEMCO ประเมินผลงานครึ่งปีหลังแนวโน้มดี เนื่องจากมีงานในมือรอรับรู้รายได้ที่ตุนไว้แล้วกว่า 3.6 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่ต่อเนื่อง คาดภาครัฐจะเปิดให้ยื่นประมูลไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ช่วยหนุนการเติบโตรอบใหม่อย่างแน่นอน นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้การทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจของภาครัฐและเอกชนเริ่มกลับมาฟื้นตัว รวมทั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีงานใหม่ๆของภาครัฐออกมาให้ประมูลอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ คาดว่าจะมีการเปิดประมูลงานใหม่มูลค่ารวมประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เช่น งานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดจะมีออกมาประมูล 4 หมื่นล้านบาท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.)คาดจะมีงานออกมา 7 พันล้านบาท และงานย้ายงานสายไฟฟ้าลงใต้ดินประมาณ 3 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลงาน และมีโอกาสได้รับงานเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเข้าสู่โหมดการเติบโตรอบใหม่ตามแผนที่วางไว้ "บริษัทยังคงเดินหน้ารับงานใหม่ และจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3,600 ล้านบาท และช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว แม้ในช่วงที่ผ่านมาภาพรวมของสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจในประเทศจะชะลอตัว แต่บริษัทฯยังคงส่งมอบงานให้กับลูกค้าได้ตามกำหนดไม่ว่าจะเป็นงานภาครัฐและเอกชน ทำให้มั่นใจว่า ผลงานในครึ่งปีหลังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง" สำหรับโครงการที่ยังไม่ส่งมอบและอยู่ระหว่างดำเนินการ ณ เดือนสิงหาคม 2563 แบ่งตามประเภทงานประกอบด้วย งานวิศวกรรมไฟฟ้า จำนวน 43 โครงการ มูลค่ารวม 2,530.58 พันล้านบาท งานสื่อสารและอาณัติสัญญาณ 6 โครงการ มูลค่ารวม 1,067.74 ล้านบาท งานพลังงานทดแทน 2 โครงการมูลค่ารวม 26.88 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทชนะการประมูลงานในโครงการ GIS and Ductbank Distribution Network Project มูลค่ารวม 719 ล้านบาท โดยมีบริษัทบางกอก โคเจนเนอเรชั่น จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ ลักษณะเป็นงานประเภทการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบใช้ฉนวนก๊าซ (Gas Insulated Substation:GIS) และวางเครือข่ายระบบจำหน่ายงานวางท่อร้อยสายลอดใต้พื้นถนน รวมถึงการออกแบบ,งานด้านวิศวกรรม,จัดซื้ออุปกรณ์,ขนส่ง,ก่อสร้าง,การประกันคุณภาพ,การขอรับใบอนุญาต,งานติดตั้งทดสอบอุปกรณ์การฝึกอบรม และงานบริการอื่นๆที่เกี่ยวข้องโดยมีระยะเวลาการดำเนินการ 13 เดือนในพื้นที่บริเวณนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นอกจากนี้บริษัทได้เซ็นสัญญางานจัดหาอุปกรณ์พร้อมก่อสร้างงานสถานีไฟฟ้าและเคเบิ้ลใต้ดิน 230 เควี จากบริษัทไทยจูรอง เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มูลค่ารวม 153 ล้านบาท โดยมีบริษัท NEXIF RATCH ENERGY RAYONG จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ และสถานที่ก่อสร้างอยู่ที่บริเวณโรงไฟฟ้าขนาด 98 เมกะวัตต์ NEXIF RATCH ENERGY RAYONG (NRER) อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง และมีระยะเวลาก่อสร้าง 14 เดือน