เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 ก.ย.หลังจากผู้สื่อข่าวหลายสำนักลงพื้นที่ไปพบผู้เสียหายที่ได้เข้าร้องเรียนกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ที่เข้าไปตรวจค้นบ้านพักบ้านเลขที่ 262 หมู่ 3 บ้านนาสิงห์ ต.นาสิงห์ อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ตั้งอยู่ริมถนนสายนาสิงห์-บ้านอู่คำ ก่อนจะถึงหมู่บ้านนาสิงห์ ราว 100 เมตร แต่เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึงบ้านไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ อ้างขอคุยกับทนายก่อนกลัวเสียรูปคดี ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางกลับออกมาจากหมู่บ้าน ต่อมาได้แจ้งกลับมาว่ายินดีให้สัมภาษณ์แล้ว หญิงอายุ 57 ปี ผู้เสียหาย นำผู้สื่อข่าวเข้าไปชี้จุดเกิดเหตุภายในบ้านพัก โดยมีภาพวงจรปิดในบ้านพักขณะเกิดเหตุ เป็นหลักฐานมัดแน่นถูกยัดข้อหา จากภาพจะเห็นนาทีที่ชายแปลกหน้าที่อ้างเป็นตำรวจ นำสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าสะพายข้าง ออกมาวางบนเตียงไม้ จากนั้นเขาล้วงกระเป๋าเสื้อด้านซ้าย นำบางอย่างออกจากกระเป๋า แล้วยัดใส่กระเป๋าเงินผู้เสียหาย ก่อนหยิบธนบัตรที่อยู่ในกระเป๋าเงินผู้เสียหายออกมา แล้วยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อของตัวเอง
ผู้เสียหายเดินชี้จุดที่ตำรวจค้นกระเป๋าสะพายในวันเกิดเหตุ บอกว่าด้วยความบริสุทธิ์ใจจึงยินยอมให้ตรวจค้น ส่งผลให้ตำรวจตรวจค้นทั้งภายในบ้านพักและบริเวณนอกตัวบ้าน ต่อมาตำรวจอ้างว่าพบบางอย่างในกระเป๋า จึงควบคุมตัวผู้เสียหายเป็นหญิงวัย 57 ปีไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ห้องสืบสวนสถานีตำรวจภูธรศรีวิไล และยื่นข้อเสนอเรียกเงิน 60,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว จึงได้ขอโทรศัพท์คืนจากตำรวจที่ยึดไว้เพื่อโทรแจ้งลูกชายให้หาเงินมาประกันตัวแม่ 60,000 เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 22 มิถุนายน 2562 ร้องเรียนกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วเรื่องยังเงียบกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงออกมาร้องเรียนกับรายการทนายคลายทุกข์ของทนายเดชาอีกครั้ง
ส่วนผลความคืบหน้าเกี่ยวกับการสอบวินัยร้ายแรงกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.ศรีวิไล จำนวน 5 นายนั้น มีแหล่งข่าวจากวงในกล่าวว่า ตำรวจที่ถูกกล่าวหานั้นมีตำรวจ ยศ ร.ต.อ.1 นาย ดาบตำรวจ 2 นาย ส.ต.ท.1 และ ส.ต.ต. 1 นายและได้ย้ายไปอยู่ที่ จ.ขอนแก่นแล้ว ขณะนี้ยังเหลือตำรวจที่ถูกกล่าวหาในคดีอยู่ในพื้นที่ 4 รายและทั้ง 4 รายได้ถูกคำสั่งเรียกตัวเข้ามาช่วยงานใน ศปก.ภ.จว.บึงกาฬ แล้วหลังจากถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงผลปรากฏว่ามีมูล และอยู่ในระหว่างการดำเนินการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงของตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ ส่วนทางตำรวจ ป.ป.ป.ได้แจ้งข้อหาหนักกับตำรวจทั้ง 5 นายดังนี้คือ”ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันใช้อำนาจตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจ เพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลที่สาม, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ตน หรือผู้อื่น ได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามจนผู้ถูกข่มขืนใจนั้น, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต”