ทั้งโรคลมชัก กล้ามเนื้อหดเกร็ง มะเร็งระยะสุดท้าย พาร์กินสัน โดยไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า จากที่องค์การฯได้กระจายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ให้กับระบบบริการกัญชาทางการแพทย์ผ่านโครงการวิจัยและคลินิกกัญชาทางการแพทย์ในสถานพยาบาลต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน มาตั้งแต่ส.ค.62 โดยติดตามประสิทธิผลการใช้มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการรายงานผลการศึกษาการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ขององค์การฯ โดยศึกษาในกลุ่มโรคและภาวะที่ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ได้ประโยชน์ โดยสถาบันประสาทวิทยา และสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้ติดตามประสิทธิผลการใช้ผลิตภัณฑ์กัญชา GPO CBD เด่น ในผู้ป่วยเด็กโรคลมชักรักษายาก และโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษา (intractable epilepsy) 16 ราย พบว่าสามารถควบคุมอาการชักในผู้ป่วย 10 ราย (62%) และผลประเมินของผู้ดูแลคิดว่าอาการชักดีขึ้น โดยมีคะแนนประเมินเฉลี่ยอยู่ที่ 5-6 คะแนนจากเต็ม 7 คะแนน นอกจากนั้น ยังติดตามประสิทธิผลการใช้ GPO THC:CBD (1:1) ในการรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (multiple sclerosis) ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีมาตรฐาน 7 ราย พบมีผู้ป่วยที่อาการดีขึ้น 5 ราย โดยมีคะแนนพึงพอใจเฉลี่ย 5-6 คะแนน จากเต็ม 7 คะแนน สำหรับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง (palliative care) ทางสถาบันมะเร็งแห่งชาติได้ดำเนินโครงการวิจัยเพื่อติดตามความปลอดภัยและประสิทธิผลกัญชาทางการแพทย์ โดยมีผู้ป่วยเข้าร่วมโครงการ 14 ราย และได้รับผลิตภัณฑ์ GPO THC:CBD (1:1) เฉลี่ยอยู่ที่ 1-3 หยดต่อวัน ต่อเนื่อง 3 เดือนพบว่าอาการปวดดีขึ้น โดยมีระดับอาการ (pain score) ลดลงกว่า 50% อยากอาหารน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น นอนหลับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งอย่างใกล้ชิด รวมทั้งศึกษาเพิ่มเติมในด้านประสิทธิผลและความคุ้มทุนของแต่ละสภาวะปัญหา ในส่วนการศึกษาในผู้ป่วยพาร์กินสัน โรงพยาบาลสกลนครได้ติดตามผลการรักษาและความปลอดภัยในผู้ป่วย 16 ราย หลังได้รับผลิตภัณฑ์ GPO THC:CBD (1:1) 3 เดือนพบว่าผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นส่วนใหญ่นอนหลับและคุณภาพชีวิตดีขึ้น ไม่พบผลกระทบต่อความจำ แต่ยังต้องศึกษาในผู้ป่วยพาร์กินสันในระยะยาวต่อไป ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ องค์การเภสัชกรรมกล่าวอีกว่า ในการรักษาโรคมะเร็ง สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้วิจัยประสิทธิผลต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งในหลอดทดลอง พบว่า THC และ CBD มีผลต่อการยับยั้งเซลล์มะเร็งแตกต่างกัน และพบแนวโน้มว่าการใช้ THC ร่วมกับ CBD น่าจะให้ผลดีต่อการยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม ตับอ่อน และท่อน้ำดี ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะนำไปทดสอบในสัตว์ทดลองต่อไป สำหรับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย โดยใช้ GPO THC ขนาด 0.5-5 mg ต่อวัน ควบคู่ไปกับการใช้ยาที่ผู้ป่วยใช้อยู่เดิมร่วมด้วย จากการประเมินในผู้ป่วย 42 รายที่ติดตามครบระยะเวลา 1 เดือน พบว่าอาการปวด เบื่ออาหาร นอนไม่หลับดีขึ้น ทั้งนี้ การติดตามผลการใช้กับผู้ป่วยที่มาใช้บริการของคลินิกกัญชาทางแพทย์ ของสถานพยาบาลต่างๆ ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร รพ.ศรีนครินทร์ รพ.หาดใหญ่ รพ.สกลนคร รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก และ ออริจีน สหคลินิก (คลินิกเอกชน) พบผู้ป่วยส่วนใหญ่ตอบสนองต่อการรักษาที่ดี ไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง โดยอาการข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ ปากแห้ง คอแห้ง สับสน มึนงง ปวดศีรษะ ใจสั่น คลื่นไส้อาเจียน อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเพียงผลการศึกษาขั้นต้นเท่านั้น ยังคงต้องศึกษาในจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น และติดตามประสิทธิผลการใช้และความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ขององค์การเภสัชกรรมเป็นผลิตภัณฑ์เกรดมาตรฐานทางการแพทย์ หรือ Medical Grade ที่คำนึงถึงความปลอดภัย (Safety) มีสารสกัดที่มีสารออกฤทธิ์ของยาสม่ำเสมอ (Consistency) และมีประสิทธิภาพ (Efficacy)