จากกรณีการประกวดนางงามท้องถิ่นชื่อดังจากภาคใต้ “นางสาวสมิหลา” ที่ผู้เข้าประกวดไม่พอใจคำตัดสิน ลุกขึ้นประท้วงขอดูคะแนนว่าไม่โปร่งใส และมีการออกมาแฉในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็กเส้นหรือ คะแนน โดย คณะกรรมการตัดสิน การประกวดนางสาวสมิหลา ปี 2020 ได้ ไปออกรายการ Z story ช่องอมรินทร์ ทีวี เอชดี ช่อง34 ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวทั้งหมด ตัวแทนคณะกรรมการ "ปอนด์" ดิษฐวัฒน์ สมุวัชระพงศ์ เปิดใจว่า เราเป็นตัวแทนกรรมการจากทั้ง 9 คน วันนี้ต้องขอโทษพี่น้องชาวสงขลาที่ทำให้ผิดหวัง และ เสียชื่อเสียง ถามว่าเวทีล็อกมงไหม ตอบว่ากรรมการไม่มีการล็อก แต่มีพี่เลี้ยง อินบ๊อกซ์เข้ามาให้เราช่วย ฝากเด็กจริง แต่เราไม่เล่นด้วย ฝากฝังกรรมการเยอะ แต่เราไม่มีเส้น ทุกอย่างคือหน้างานเลย พี่เลี้ยงนางงามคือมีการฝากจริง พอผลออกมาไม่เป็นเด็กตัวเอง ก็เป็นตัวนำทีมประท้วงในวันนั้นจนเกิดเรื่อง เราโดนกระแสข่าวลือเยอะว่าส่งเด็กเอง ประกวดเอง ถ้าใครมีหลักฐานว่าเราส่งใครให้เอามาโชว์เลย เราไม่ได้ส่งเด็กเพื่อล็อกกันเองแน่นอน กรรมการทุกคนมีอาชีพการงานของตัวเอง ไม่ได้จำเป็นต้องมานั่งส่งงามมาประกวดกันอย่างเดียว ส่วนเรื่องคุณสมบัติของ “น้องอร” ทีมคณะกรรมการ ยืนยันว่าไม่เหมาะกับการเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย “ต้องกลับไปที่ใบประกาศรับสมัคร เราบอกไว้แล้วว่าเราต้องการนางสาวสมิหลาที่มีลุคส์ทันสมัย สวยสดใสออร่า ผมบอกหมดทำยังไง อันนี้พูดไปก็จะหาว่าเราบูลลี่เด็ก คือเราบอกไปแล้วว่าไม่ควรทำผมฟาร่ามานะ มันเป็นธิดาบ้านนานะ ไม่ควรฟอกตัวขาว เหมือนนางงามเดินสาย เราไม่ยอมรับว่าน้องควรเข้ารอบ 5 คน กรรมการที่เราเลือกมาทุกคนต้องการมาตรฐานแบบนี้ เรามีบรรทัดฐานในการเลือก แล้วผลที่ประกาศออกไป คือคำสิ้นสุดของคณะกรรมการแล้ว” ตัวแทนคณะกรรมการ เผย ด้าน "บี" นฤดี แก้วคงอิน 1 ใน 9 คณะกรรมการ หอบหลักฐานใบลงคะแนนโชว์ความบริสุทธิ์ของคณะกรรมการ พร้อมประกาศเตรียมเดินหน้าฟ้องคนที่วิจารณ์เวทีการประกวด นางสาวสมิหลา อย่างแน่นอน โดยเปิดเผยว่า คงต้องฟ้อง เพราะเราจัดงานเสียชื่อเสียงเยอะมาก มูลค่ารวมกว่า 2 ล้าน กรรมการทุกคนโดนวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะพอสมควร ทุกคนมีหน้าที่การงาน อยากทำความเข้าใจและเป็นอุธาหรณ์ในการประกวดนางงาม กรรมการทุกคนเองก็มีศักดิ์และมีศรี ไม่ต่างอะไรจากนางงาม ไม่ต่างอะไรจากคนประกวด เพราะวันนี้ที่พี่จะฟ้องเพราะพี่เสียชื่อเสียง น้องมีสิทธิ์กล่าวหาพี่ได้ แต่การกล่าวหาต้องมีข้อพิสูจน์ได้อย่างชัดเจน ส่วน "น้องโฟน" ชรินรัตน์ แซ่ก๊วย 1 ใน 5 สาวงามที่ผ่านเข้ารอบ กล่าวว่า ก็รู้สึกเสียใจ ที่เวทียังไม่มีการติดสันที่สิ้นสุด หลังจากเกิดเหตุการณ์ชุลมุน รู้สึกเสียใจมาก มีคำถามขึ้นเต็มหัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากนั้นเราก็โดนมาเก็บตัวหลังเวที น้องๆที่เหลือก็ตกใจและเสียใจมาก ไม่เคยคาดฝันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ น้องๆที่ประกวดเดินทางกันมาไกลมาก ทั้งจากกรุงเทพฯ เชียงราย ขอนแก่น ลำพูน ทุกคนมาไกลหมด ก็เสียใจที่ไม่ได้ตำแหน่ง ปิดท้ายด้วย "น้องหยก" สุพรรณิการ์ นพรัตน์ นางสาวสมิหลา 2019 ต้องครองมงกุฎ 2 ปีซ้อน และ หมดสิทธิ์ขึ้นเวทีเพื่ออำลาตำแหน่งต่อให้ผู้ชนะในปีนี้ เปิดใจว่า หยกเชื่อมั่นว่าเวทีนี้มีความยุติธรรม เพราะเป็นเวทีเก่าแก่ และ อยู่มานานมากกว่า 20 ปี หยกเป็นนางสาวสมิหลาคนที่ 20 ถ้าไม่ดีจริงคงไม่อยู่มานานขนาดนี้ ก็รู้สึกเสียใจที่เวทีนี้กลายเป็นประเด็นดราม่า และเป็นตำนานในเรื่องที่ไม่ดี ที่ผ่านมาเคยเห็นแต่พี่เลี้ยงหรือผู้ชมประท้วง แต่นี้ผู้เข้าประกวดลุกขึ้นประท้วงเอง มุมมองของหยกเข้าใจในการประท้วงคุณสามารถเรียกร้องได้ แต่ควรอยู่ในขอบเขต เราก็เสียใจที่ไม่ได้อำลาตำแหน่งเพราะวันนั้นก็เตรียมตัวมาอย่างดี อยากใส่ชุดผ้าทอเกาะยอ ของจังหวัดสงขลาให้ทุกคนได้เห็น และภูมิใจกับการเป็นนางสาวสมิหลาเวทีประกวดอันเก่าแก่ของภาคใต้