ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุกอ่วม มาเฟียดัตช์ กับเมียคนไทย ค้ายาบังหน้าธุรกิจกาแฟ ก่อนส่งเงินมาฟอกกว้านซื้อที่ดินย่าน พัทยา ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 20 มิ.ย.นี้ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีฟอกเงิน หมายเลขดำ อ.3423 /2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ฟ้องนาย โจฮันเนส เพทรุส มาเรีย ฟาน ลาร์โฮเวน (Mr.Johnnes Petrus Maria van laarhoven) อายุ 57 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ และนาง มิ่งขวัญ ฟาน ลาร์โฮเวน หรือนาง มิ่งขวัญ แก่นอินทร์ อายุ 35 ปี ภรรยาชาวไทย ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประเภทกัญชาที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วโอนเข้าบัญชีภรรยา นำไปกว้านซื้อที่ดิน ย่านพัทยา จ.ชลบุรี รถยนต์หรูหลายคัน และทรัพ์สินอื่นจำนวนมากมูลค่านับร้อยล้านบาท เหตุเกิดที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน โจทก์จึงขอให้ศาลพิพากษาจำเลยทั้งสอง ตามความผิด ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,6,7 และ 60 ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอด คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อ วันที่ 10 พ.ค. 2558 ว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยนาย โจนาส จำเลยที่ 1 กระทำผิด 43 กระทง จำคุก 103 ปี ส่วนนาง มิ่งขวัญ จำเลยที่ 2 กระทำผิด 13 กระทง จำคุก 18 ปี คำให้การ และทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาบ้างลดโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 68 ปี 8 เดือน ทั้งนี้ตามกฎหมายให้จำคุกในความผิดฐานฟอกเงินได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 20 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 เหลือจำคุก 12 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นให้ยก ต่อมานายโจนาสและนาง มิ่งขวัญ จำเลยร่วมกัน ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า พยานโจทก์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ทั้งของรัฐ และจากต่างประเทศเบิกความสอดคล้องเป็นขั้นเป็นตอนกันว่า จำเลยมีการกระทำเป็นขบวนการจากการส่งสายสืบ การดักฟังโทรศัพท์ ตรวจสอบบัญชีการเงินยากแก่การปรุงแต่งเรื่องราว จึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ ส่วนที่จำเลยที่ 1อ้างว่า ได้เงินมาจากการขายธุรกิจร้านกาแฟจำนวน 4 แห่งนั้น แต่เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีมูลค่ากว่า300ล้านบาท มากเกินกว่ามูลค่าธุรกิจร้านกาแฟ จึงไม่สมเหตุผล เป็นการเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้จากการโอนขายยาเสพติดโดยปกปิดที่มาของเงิน ส่วนจำเลยที่ 2 ได้อยู่กินฉันท์สามีภรรยากับจำเลยที่ 2 มีเงินโอนเข้าบัญชีจำนวนมากย่อมทราบดีว่าจำเลยที่1สามีได้เงินมาอย่างไร อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น การกระทำของจำเลยทั้งสอง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 โดยพิพากษาแก้ว่า นายโจนาสจำเลยที่ 1 กระทำผิดฐานฟอกเงิน รวม 15 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 75 ปี ลดโทษ 1ใน 3เหลือจำคุก 50 ปี แต่ตามกฎหมายแล้วให้จำคุกในความผิดฐานฟอกเงินได้ไม่เกิน 20 ปี ส่วนนาง มิ่งขวัญ จำเลยที่ 2 กระทำผิดฐานร่วมกันสนับสนุนการฟอกเงิน รวม 6 กระทง จำคุก 11 ปี ทางนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 ไว้ 7 ปี 4 เดือน ส่วนความผิดข้อหาอื่นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลได้เบิกตัว จำเลยทั้งสอง จากเรือนจำ และจำเลยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ ... สำหรัมูลเหตุคดีนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2557 เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายได้สนธิกำลังร่วมกันตรวจค้นจับกุมนายโยฮันและนาง มิ่งขวัญ ภรรยา จากบ้านพักเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ในสนามกอล์ฟฟินิกซ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยึดเงินสด เครื่องประดับในตู้เซฟ พร้อมสมุดบัญชีธนาคารของนางมิ่งขวัญ รวมทั้งที่ดินอีกหลายแปลงซึภายในสนามกอล์ฟดังกล่าว และสำเนาโฉนดที่ดินจำนวน 8 แปลง เอกสารการเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ และพอร์ช อีก 5 คัน หนังสือเดินทาง 5 เล่ม สัญญาซื้อขายตึกแถว 1 ห้องใน จ.สมุทรปราการ นอกจากนี้ยังมีอาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อบาร์เร็ตตา ที่จดทะเบียนเป็นชื่อของนางมิ่งขวัญ จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุน 159 นัด รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท ที่ได้จากการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดประเภทกัญชา โดยดำเนินธุรกิจเป็นร้านค๊อฟฟีช็อบ บังหน้าในประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วส่งเงินที่ได้จากการกระทำผิดมาฟอกเงินโดยการกว้านซื้อที่ดิน และทรัพย์สินต่างๆ