นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ปรับดีขึ้น ตามการใช้จ่ายภาครัฐและการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังหดตัวติดลบ 100% เพราะมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้ภาพรวมมาตรการภาครัฐสนับสนุนท่องเที่ยวและวันหยุดยาว มองว่าได้ผลดีระดับหนึ่ง ทำให้นักท่องเที่ยวในประเทศได้เดินทางท่องเที่ยวและพักแรมสูงขึ้น ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางในจังหวัดที่ใกล้เคียงกรุงเทพฯ ทำให้การเดินทางยังกระจุกตัวในบางพื้นที่ โดยมองว่าการเปิดประเทศให้ต่างชาติเข้ามา จะทำให้การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวในระยะที่เหลือของปีนี้ แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง หากโควิด-19 เกิดระลอกสองขึ้นมา จะทำให้ประเทศลำบากอีกครั้ง โดยเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ แต่ข้างหน้าความไม่แน่นอนสูง เช่น เรื่องนักท่องเที่ยวต่างประเทศจาก กนง.ที่เคยคาดไว้นักท่องเที่ยวปีนี้จะมี 8 ล้านคน แต่ สศช.ประกาศล่าสุด 6.7 ล้านคน หายไป 1.3 ล้านคนกระทบจีดีพีเยอะ หายไป 0.5% ของจีดีพี ซึ่งไม่นับรวมการระบาดรอบสองของในประเทศ โดยคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวของ ธปท.ต้องปรับใหม่ จากเดิมตัวเลขปีหน้าให้ 16 ล้านคน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ 12 ล้านคน ซึ่งปีหน้าความเสี่ยงมากกว่าปีนี้ และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องกลับมาอย่างระวัง ส่วนกรณีที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวติดลบ 10% นั้น ธปท. ได้นำมาพิจารณา จากข้อมูลพบว่า เศรษฐกิจครึ่งปีแรกติดลบ 7% หากจะให้เศรษฐกิจทั้งปีติดลบ 10% เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะต้องติดลบ 13% ซึ่งติดลบสูงกว่าเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2563 จึงเหลือปัจจัยเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยลงลึกถึงจุดนั้นคือ การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 จนทำให้มีการปิดเมือง ล็อกดาวน์ ซึ่งจากปัจจัยในขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่าเศรษฐกิจจะลงลึกได้ขนาดนั้น สำหรับตลาดแรงงานนั้นยังมีผู้ขอรับสิทธิว่างงานเพิ่มสูงขึ้นแต่เป็นอัตราชะลอลง ซึ่งเดือนก.ค.63 เพิ่มจากมิ.ย.63 เพียงเล็กน้อย แต่ต้องจับตาดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร โดยมองว่าเดือนก.ค.63 แม้ดัชนีชั่วโมงการทำงานที่หายไปจากการปิดกิจการชั่วคราวตามมาตรา 75 จะลดลงมาแต่ยังสูงอยู่ เชื่ออีกนานกว่าจะกลับมาปกติ ขณะที่รายได้เกษตรกรเดือนก.ค.63 ขยายตัวในด้านราคา หลังจากติดลบในเดือนก่อนหน้า คาดรายได้เกษตรกรเป็นบวกได้จากแนวโน้มราคาสินค้าเกษตรเช่น ข้าว ยาง แนวโน้มดีขึ้น ซึ่งจากการติดตามยางแผ่นขาดตลาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น มองจนถึงสิ้นปีนี้เกษตรกรมีรายได้เป็นบวกได้ และเมื่อรวมกับการผ่อนคลายให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคดีขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนประชาชนยังไม่มีความมั่นใจที่จะใช้จ่าย นอกจากนี้การลงทุนเอกชนเดือนก.ค.63 ติดลบถึง 12.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยติดลบมากขึ้นเมื่อเทียบเดือนก่อนที่ติดลบ 10.2% จากกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่มาก เช่น กลุ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาดีขึ้น แต่ยังไม่ทำให้ผู้ประกอบการมั่นใจได้ และยังลังเลว่าเศรษฐกิจจะฟื้นเมื่อไร ทำให้การลงทุนเอกชนลดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธปท.ต้องจับตาใกล้ชิด เพราะการลงทุนในไทยต่ำมาเป็นเวลานาน