นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว เมียนมาร์ เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเติบโตด้านการท่องเที่ยวที่รวดเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ดังนั้นทางเครือเซ็นทารา จึงได้นำประสบการณ์การบริการที่โดดเด่นของไทยก้าวไปสู่ระดับสากลในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมาได้ลงนามสัญญาบริหารโรงแรมในต่างประเทศเพิ่มทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ในเมียนมาร์ 3 แห่ง โอมาน 1 แห่ง และ เวียดนาม 2 แห่ง โดยการลงนามสัญญาบริหารครั้งล่าสุดนี้ จะทำให้เซ็นทารามีจำนวนห้องพักในเครือเพิ่มอีก 337 ห้อง รวมเป็นทั้งหมด 17,154 ห้องภายใต้เครือโรงแรมและ รีสอร์ทของเซ็นทาราทั้งหมด 81 แห่ง ในประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งนี้ทาง เซ็นทารา ได้เดินหน้าขยายสาขายกระดับความเป็นเครือโรงแรมระดับโลก ด้วยการลงนามสัญญาบริหารเพิ่มอีก 3 โรงแรมใหม่ในเมียนมาร์ กับบริษัท เอสแอล อินเตอร์เนชั่นแนล คอนสตรัคชั่น จำกัด เพื่อเข้าบริหารโรงแรมทเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ติริ พะอัน โรงแรมพะอัน ฮิลล์ท็อป รีสอร์ทและสปา เซ็นทารา บูทีค คอลเลคชั่น และโรงแรมเซ็นทารา มัณฑะเลย์ ซึ่งตั้งแต่เซ็นทาราเปิดโรงแรมในต่างประเทศแห่งแรกที่มัลดีฟส์ในปี 2552 เป็นต้นมา เซ็นทาราได้เดินหน้าขยายธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเซ็นทารามีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือในต่างประเทศมากถึงเกือบ 50% ของทั้งหมด สำหรับโรงแรมแห่งแรกที่เซ็นทาราลงนามร่วมกับบริษัท เอสแอลฯ และจะเปิดให้บริการในปี 2564 คือ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ติริ พะอัน ขนาด 77 ห้องพัก ซึ่งรายล้อมไปด้วยมรดกทางธรรมชาติและทิวทัศน์เทือกเขาหินปูนรูปแบบตะการตา โดยโรงแรมแห่งนี้จะมี ห้องอาหาร 2 แห่ง สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องออกกำลังกาย และห้องประชุมสัมมนาต่างๆ ส่วนโรงแรมแห่งที่สอง คือ โรงแรมพะอัน ฮิลล์ท็อป รีสอร์ทและสปา เซ็นทารา บูทีค คอลเลคชั่น อยู่ห่างจากโรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ติริ พะอัน เพียง 20 นาที มีขนาด 60 ห้องพัก มีทั้งแบบห้องพักและบังกะโล พร้อมห้องอาหาร 2 แห่ง สปา คิดส์คลับ ห้องออกกำลังกายพร้อมสระว่ายน้ำ และความบันเทิงต่างๆ อีกทั้งยังมีจุดชมวิวแบบระเบียงที่ยื่นออกไปด้านนอกอาคาร ซึ่งปูด้วยกระจกใสให้แขกผู้เข้าพักได้ชมภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองแบบ 360 องศา ขณะที่โรงแรมแห่งที่สาม คือ โรงแรมเซ็นทารา มัณฑะเลย์ ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567 พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงอย่างหลากหลายในบริเวณเดียวกัน อาทิ ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน และคาสิโน โดยโรงแรมแห่งนี้จะเป็นโรงแรมขนาด 200 ห้องพัก พร้อมห้องอาหาร 3 แห่ง ห้องประชุมสัมมนา ห้องออกกำลังกายพร้อมสระว่ายน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการพักผ่อนอย่างครบครัน โดย นายธีระยุทธ กล่าวว่า ทางเซ็นทาราได้ขยายฐานโรงแรมไปยังจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความหลากหลาย พร้อมกับนำเสนอการให้บริการต้อนรับนักท่องเที่ยวตามแบบฉบับเอกลักษณ์ไทย ที่ผสานกับค่านิยมแบบครอบครัวอย่างลงตัว ซึ่งจะเป็นร่วมมือกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในแต่ละประเทศ ดังเช่นในครั้งนี้กับบริษัท เอสแอล อินเตอร์เนชั่นแนล คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นพันธมิตรที่จะนำความสำเร็จมาสู่เซ็นทาราและการท่องเที่ยวในเมียนมาร์ได้อย่างแน่นอน