วันที่ 26 ส.ค.ที่ สตม.สวนพลู พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อม พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช. สตม., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ ผบก.ตม.1, พล.ต.ต.จักรทิพย์ ศตพิมลศักดิ์ ผบก.ศท.ตม., พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1 พร้อมชุดสืบสวนฯ แถลงข่าวการจับนายปิมาร์นักแสดงหนุ่มใหญ่หน้าหวานชาวเบลเยี่ยมหลบหนีกบดานนานกว่า 4 ปี พล.ต.ต.ปิติ กล่าวว่าตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.และพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.มอบหมายให้ สตม.ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับแจ้งข้อมูลเบาะแสจากอีเมล์ของ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ว่ามีคนต่างด้าวชาวยุโรป ลักษณะท่าทางดี พูดไทยได้ชัดเจน แต่ไม่มีหนังสือเดินทาง เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่งย่านวังทองหลาง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนฯจึงได้จัดกำลังไปเฝ้าสังเกตสืบสวนหาข่าว จนทราบว่าชายชาวต่างชาติดังกล่าวได้เข้ามาพักอาศัยในอาพาร์ตเม้นท์แห่งนั้น ประมาณ 4 ปีกว่า โดยมีพฤติกรรมมักจะพาหญิงชาวไทยไม่ซ้ำหน้าเข้ามาพักอาศัยอยู่ด้วยเสมอ และไม่พบว่ามีงานทำเป็นหลักแหล่ง เมื่อได้ข้อมูลแน่นอนชัดเจนเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตนเข้าทำการตรวจสอบห้องพักของคนต่างด้าวดังกล่าว จากการตรวจสอบทราบว่า ชายชาวต่างชาติดังกล่าว ชื่อ นายปิมาร์ อายุ 49 ปี สัญชาติ เบลเยียม และเมื่อทำการตรวจสอบหนังสือเดินทางจากระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง พบว่าไม่มีข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบระบบลายพิมพ์นิ้วมือพบว่า นายปิมาร์ได้เคยถูกจับกุมในข้อหาปลอมแปลงเอกสารเมื่อปี 2542 (20 ปีก่อน) และได้ถูกบันทึกชื่อในระบบบัญชีเฝ้าดูซึ่งจะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ นายปีมาร์เล่าว่า หลังจากถูกผลักดันกลับประเทศ ตนเองได้เดินทางเข้ามาประเทศไทย เมื่อปี 2557 ทางด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ แต่ได้ถูกปฏิเสธการเข้าเมือง จึงได้บินไปยังประเทศเมียนมาและบินต่อไปยังกัมพูชา และได้ลักลอบเดินทางเข้ามายังประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ และจากการสอบถาม นายปิมาร์ แจ้งว่าระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทยนั้น นายปิมาร์ ได้ถูกแมวมองของ บ.การแสดงในไทยชักชวนให้ไปถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร ในฐานะตัวประกอบ เพราะนายปีมาร์ สามารถพูดภาษาไทยได้ มีบุคลิกที่เข้ากับคนง่าย และเป็นคนที่ชอบในการแสดง จึงได้รับความไว้วางใจจากวงการแสดงในไทย เมื่อมีบทละครที่ต้องใช้นักแสดงต่างชาติ นายปีมาร์จะได้รับการว่าจ้างเสมอ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 จึงได้ทำการจับกุมในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่ง สน.วังทองหลาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป