ร่ำไห้กันระงม หมู่ญาติของผู้สูญเสียตามมาอัญเชิญดวงวิญญาณสาวเคราะห์ร้ายกลับบ้านเกิด หลังเสียชีวิตลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ในขณะนั่งเก๋งมากับเพื่อนชาย แต่กลับถูกสองหญิงขับรถกลับออกมาจากงานเบิร์ดเดย์เพื่อน ย้อนศรฝ่าความมืดพุ่งชนประสานงากันสนั่นดับคาที่ ขณะพยานระบุได้กลิ่นฟุ้งแอลกอฮอล์ระหว่างหน่วยกู้ภัยฯ เข้าให้การช่วยเหลือนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาล
เมื่อวันที่ 25 ส.ค.63 เวลา 16.00 น. บรรดาหมู่ญาติของ น.ส.รัชนี ซื่อพรม อายุ 30 ปี ซึ่งประกอบด้วย พ่อแม่ ย่ายาย ป้าและน้า ตลอดจนพี่น้องรวม 12 คน ได้เดินทางมาประกอบพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณ ของ น.ส.รัชนี ซึ่งเสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุ บนถนนศุขประยูร เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ในขณะนั่งมากับรถยนต์เก๋งของนายศุภกิจ นิ่มเจริญสุข อายุ 30 ปี เพื่อนชาย
ซึ่งขับมุ่งหน้ามาตามเส้นทางจากสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 เพื่อที่จะขึ้นสะพานเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ข้ามแม่น้ำบางปะกงเข้าสู่ตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา แต่ได้ถูกรถยนต์เก๋งอีกคัน ซึ่งมี น.ส.สาวิตรี กลั่นอ่ำ อายุ 31 ปี และ น.ส.รินทร์ลภัส จิโรจน์จิตรานนท์ อายุ 31 ปี ขับย้อนศรออกมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่บริเวณใกล้กับใต้สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง หลังจากไปร่วมงานวันเกิดของเพื่อน
ออกมาบนถนนเส้นทางด้านฝั่งขาเข้าเลนขวาสุด มุ่งหน้าจะไปยังสี่แยกกองพลหารราบที่ 11 ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนประสานงากันตรงบริเวณฝั่งตรงข้ามกับปั้มน้ำมัน PT ห่างจากตัวสะพานมาประมาณ 500 เมตร จนทำให้ น.ส.รัชนี เสียชีวิตคาที่บนเบาะที่นั่งด้านซ้าย ส่วนคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมด้วยสองหญิงสาวคู่กรณีนั้นได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นเดียวกัน
จากนั้นได้มีอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา เข้ามาช่วยเหลือนำส่งไปยัง รพ.พุทธโสธร เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 00.00 น. เที่ยงคืนของวันที่ 24 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างที่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัยเข้ามาให้การช่วยเหลืออยู่นั้น พบว่าภายในรถของหญิงสาวทั้งสองที่ขับมามีกลิ่นของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คละคลุ้งอยู่ด้วย
โดย นายนิคม ลำเจียกเทศ อายุ 64 ปี พร้อมด้วยนางน้อย ลำเจียกเทศ อายุ 46 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นเจ้าของร้านนิคมการช่าง ตั้งอยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ในขณะเกิดเหตุกำลังนอนอยู่ภายในบ้านซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ได้ยินเสียงรถยนต์พุ่งชนกันจนมีเสียงดังสนั่นคล้ายกับเสียงฟ้าผ่า จึงได้พากันลงมาดู จนพบว่า มีรถยนต์เก๋งพุ่งชนประสานงากันอยู่บนถนน
โดยเห็นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ฌพ-4001 กรุงเทพฯ ยี่ห้อฮอนด้าสีขาว ซึ่งขับย้อนศรมาอยู่บนเลนด้านขวาสุดในลักษณะหันหน้าย้อนเส้นทางคร่อมเกยมายังเลนที่ 2 สภาพด้านหน้าพังเสียหายยับเยิน ส่วนอีกคันเป็นรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าสีขาว เช่น เดียวกัน หมายเลขทะเบียน ญผ-2848 กรุงเทพฯ ถูกชนกระเด็นมาอยู่ที่ขอบเลนด้านซ้ายสุดสภาพด้านหน้าพังเสียหายยับเยินเช่นเดียวกัน โดยมีหญิงสาวเสียชีวิตติดอยู่คาซากรถ 1 ราย
และในระหว่างที่หน่วยกู้ภัยเดินทางมาให้การช่วยเหลือ นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย ส่งไปยังโรงพยาบาลนั้น ได้ยินอาสากู้ภัยระบุว่าภายในรถคันที่หญิงสาว 2 คนขับมานั้น มีกลิ่นสุราฟุ้งอยู่ด้วย จึงเชื่อว่าน่าจะเมาสุราแล้วขับรถย้อนเส้นทางออกมา จนทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น นายนิคม ระบุ
ขณะที่ญาติของผู้สูญเสีย คือ นายธีระ ปรากฏมาก อายุ 45 ปี ผู้เป็นน้าของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เป็นเพราะความประมาทของคนอื่น แต่เราต้องมาสูญเสีย ถ้าใครไม่ได้เป็นผู้สูญเสียก็คงไม่รู้ แต่นี่ญาติพ่อแม่เขาสูญเสีย ครอบครัวของเราสูญเสีย เป็นเพราะแค่ความประมาทของคุณเท่านั้น จึงยังยอมรับเหตุการณ์และทำใจไม่ได้ เพราะทำใจได้ลำบากในสถานการณ์แบบนี้ แม้แต่จะตั้งศพสวดก็ยังลำบากเพราะมีสถานการณ์โควิด 19 อยู่ด้วย จะทำพิธีอะไรมันก็ยากมากขึ้น นายธีระ กล่าว
ด้าน นายเสงี่ยม ซื่อพรม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 305 ม.2 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ผู้เป็นบิดา กล่าวว่า บุตรสาวเรียนจบ ปวช. จากวิทยาลัยอาชีวะศึกษาฉะเชิงเทรา ยังไม่มีครอบครัวได้ออกจากงานมาเมื่อช่วงเกิดภาวะโรคโควิด 19 ระบาด เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา จึงยังไม่มีงานทำ ก่อนที่จะมาช่วยพี่สาวทำขนมขายยังในพื้นที่ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา
จนมาทราบเหตุว่าเสียชีวิตลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ในขณะที่กำลังนั่งรถกลับมาจากไปรับประทานอาหารเย็นกับเพื่อนชาย ที่ขับรถยนต์เก๋งมารับไปกินข้าวด้วยกัน ส่วนความสูญเสียที่เกิดขึ้นนี้ อยากจะบอกถึงคนที่คิดจะขับรถย้อนเส้นทางว่า ให้นึกถึงความสูญเสียที่จะเกิดขึ้น ให้คิดถึงไปยังครอบครัวคนที่จะได้รับความเสียหาย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก
ส่วนคู่กรณีได้เข้ามาพูดคุยกันบ้างแล้ว และเขาบอกว่าจะไปยังที่งานสวดศพด้วย สำหรับศพได้มารับกลับไปตั้งบำเพ็ญกุศลยังที่วัดเนินสว่าง ม.2 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทราแล้ว จะสวดเป็นเวลา 3 คืน โดยวันนี้เป็นคืนแรก นายเสงี่ยม กล่าว
ด้านนางจันที ซื่อพรม อายุ 49 ปี มารดา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากยังไม่ทันได้ตั้งตัว ยังทำใจไม่ได้ และยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันกับบุตรสาวในช่วงที่ผ่านมา และไม่ได้มีลางบอกเหตุอะไรมาก่อน โดยได้ยินบุตรสาวบอกว่าอยากจะกลับบ้านตั้งแต่เมื่อเดือนก่อนเท่านั้น ส่วนตนได้บอกว่าให้กลับมาบ้านในช่วงสารทไทยเลยก็ได้ แต่สุดท้ายได้มาเสียชีวิตลงเสียก่อน ในวันนี้จึงได้นิมนต์พระสงฆ์ มาทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณบุตรสาวกลับบ้าน นางจันที กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าในการทำพิธี ทางญาติได้จัดอาหารเครื่องเซ่นไหว้ พร้อมสุราขาว น้ำดื่ม น้ำอัดลม เพื่อมาทำพิธีขอให้เจ้าที่ปล่อยดวงวิญญาณของหญิงสาวให้ทางญาติๆ นำพากลับบ้าน โดยที่ญาติได้ทำการจุดธูปยกมัดโดยไม่ได้นับจำนวนดอก ก่อนนำเครื่องเซ่นไหว้มาเวซ่นเลี้ยงดวงวิญญาณ พร้อมด้วยการทำหุ่นจำลองของหญิงสาวด้วยหยวกกล้วยห่มสไบสีชมพู
เพื่ออัญเชิญดวงวิญญาณของหญิงสาวให้เข้าไปสถิตยังภายในร่างของหุ่นจำลอง ก่อนที่ทางญาติจะรีบนำผ้าขาวมาทำการห่อหุ้มมัดรวบด้วยด้ายสายสิญจน์ และอุ้มห่อผ้านำพาเอาดวงวิญญาณกลับไปยังที่บ้านเกิด โดยใช้เวลาในการประกอบพิธีประมาณกว่า 40 นาที จึงเสร็จสิ้นพิธี