ชาวบ้าน 5 หมู่บ้าน​ ใน ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์กว่า 30 ครัวเรือน รวมตัวถือป้ายเรียกร้องให้ชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำจากฝายปอแดงที่หนุนสูงหลังฝนตกหนัก และ จนท.เพิ่มแผ่นเหล็กกั้นน้ำทำให้ระบายช้า จนเอ่อท่วมนาข้าวเกือบ 1,000 ไร่ นายอำเภอนางรองรุดเจรจารับปากเร่งหาแนวทางแก้ไข พร้อมช่วยเหลือเยียวยานาข้าวที่เสียหาย (24 ส.ค.63) ชาวบ้าน 5 หมู่บ้าน​ ในตำบลหนองโบสถ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ กว่า 30 ครัวเรือน ได้รวมตัวกันถือป้ายประท้วงที่บริเวณฝายปอแดง ตำบลหนองโบสถ์ อ.นางรอง เพื่อเรียกร้องให้ทางชลประทานจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากฝายปอแดง ที่มีปริมาณหนุนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีฝนตกหนักในพื้นที่ และน้ำเหนือจากหลายพื้นที่ไหลมาสมทบ ประกอบกับมีการเพิ่มแผ่นเหล็กกั้นน้ำที่บริเวณฝายดังกล่าว เพื่อกักชะลอไว้สูบไปเติมอ่างหนองทะลอกในตัวอำเภอนางรองที่กำลังประสบภัยแล้ง จนทำให้น้ำในฝายปอแดงระบายไม่ทัน​ เอ่อทะลักเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรหลายหมู่บ้านในตำบลหนองโบสถ์​ เป็นบริเวณกว้างเกือบ 1,000 ไร่ ในจำนวนนี้มีนาข้าวที่ถูกน้ำท่วมขังต้นข้าวเสียหายแล้วหลายร้อยไร่ โดยนายบุญธรรม วิเศษพันธ์ และนางนกน้อย นุพันธ์ ตัวแทนชาวบ้าน บอกว่า ตอนนี้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนมาก จากกรณีที่น้ำในฝายปอแดงระบายไม่ทัน เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่มีการนำแผ่นเหล็กกั้นน้ำวางกั้นสูงกว่าระดับปกติ เพื่อที่จะกักเก็บน้ำไว้สูบไปเติมอ่างหนองทะลอกแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ส่งผลให้น้ำในฝายระบายได้ช้าพอเกิดฝนตกหนักและน้ำจากที่สูงไหลมาสมทบก็จะทำให้เอ่อทะลักเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกรที่อยู่ติดริมน้ำได้รับความเสียหาย ซึ่งขณะนี้ก็เสียหายแล้วหลายร้อยไร่ ชาวบ้านจึงได้รวมตัวกันมาประท้วงเรียกร้องให้ทางชลประทานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาแนวทางระบายน้ำออก และช่วยเหลือเยียวยากรณีต้นข้าวที่ถูกน้ำเอ่อท่วมเสียหายด้วย ขณะที่ น.ส.เพชรรัตน์ ภูมาศ นายอำเภอนางรอง พร้อมด้วยตัวแทนจากชลประทานจังหวัด เกษตรอำเภอนางรอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อำเภอนางรอง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรับฟังความเดือดร้อนจากตัวแทนชาวบ้าน โดยเบื้องต้นก็รับปากว่าจะเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ด้วยการลดจำนวนแผ่นเหล็กกั้นน้ำลง รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อช่วยระบายน้ำออกลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่วนพื้นที่นาข้าวที่ถูกน้ำเอ่อท่วมเสียหายนั้น ก็ได้ประสานให้ทางเกษตรอำเภอเร่งทำการสำรวจความเสียหาย เพื่อนำเสนอรายงานสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อพิจารณาประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติและช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบของทางราชการต่อไป ซึ่งชาวบ้านต่างก็พอใจและได้ยุติการรวมตัวแยกย้ายกันเดินทางกลับ