ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าเดือนก.ค.ฟื้นตัว 2 เดือนติด แตะ31.8 หลังรัฐบาลผ่อนคลายระยะ5 ขอกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ระบุกังวลโควิดระบาดรอบ2 มากกว่าการประท้วงของกลุ่มเยาวชน ย้ำถ้าถึงขั้นล็อกดาวน์อีกรอบเศรษฐกิจมีความเสี่ยงติดลบหนัก นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ประจำเดือนก.ค.63 อยู่ระดับ 31.8 ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 แต่ยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง เนื่องจากเอกชนยังกังวลสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการชุมชนของกลุ่มเยาวชน, ความกังวลสถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19และข่าวลือต่างๆ,การประกาศขยาย พรก.ฉุกเฉินต่อ, บางธุรกิจยังไม่สภาพคล่องทางการเงินโดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ,การส่งออกยังคงหดตัวต่อเนื่อง,หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น, การชะลอการผลิตสินค้าและคนตกงานหรือถูดลดชั่วโมงการทำงาน เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการหอการค้าได้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาเช่น กระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวและเน้นการเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยวที่รายได้สูง,พิจารณาทราเวลบับเบิ้ลในกลุ่มประเทศที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดไวรัส-19 ได้,มาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน เนื่องจากในปัจจุบันผู้ประกอบการไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามมตรการของรัฐได้,พัฒนาทักษะและมาตรฐานแรงงานให้มีความหลากหลายและตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการให้มากขึ้น,พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ทัดเทียมกับเมืองใหญ่เพื่อให้เกิดการจ้างงาน เป็นต้น โดยในส่วนของการประท้วงทางการเมืองนั้นทางศูนย์ฯอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเบื้องต้นประเมินว่านักธุรกิจกังวลเรื่องของการระบาดไวรัสโควิดรอบ2มากกว่าหลังจากที่ตรวจพบคนไทยติดโควิด 19 ในประเทศ จนกลายเป็นเหตุแตกตื่นทั่วประเทศ และทาง ศบค.ได้ออกมาแถลงว่า กรณีดังกล่าวนั้นมีหญิง 2 รายที่เข้าข่าย รายแรกเป็นการพบซากเชื้อ ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนอีกรายต้องรอผลแล็บ ลักษณะคล้ายรายแรก เพราะหากมีการระบาดในไทยจริงอาจเกิดการล็อคดาวน์ซึ่งจะกระทบให้ธุรกิจต้องสูญเสียรายได้จำนวนมาก อย่างไรก็ตามในส่วนของทางการเมืองตอนนี้ยอมรับว่าจะมีผลกระทบต่อจิตวิทยาโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศบางส่วนคงพิจารณาการลงทุนใหม่ แต่หากเหตุการณ์บานปลายจะกระทบต่อเศรษฐกิจหนักเหมือนกัน แต่ไม่เท่ากับความกังวลเรื่องของโควิด-19 รอบ 2