นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุม ให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 269 ถึง 272 เพื่อตัด สว.ตามบทเฉพาะกาล 250 คนออก ว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคนเข้ามาเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่แน่นอนว่าเมื่อมีเสียงเรียกร้องจากประชาชน ก็ต้องรับฟังแต่ในขณะนี้ ก็ต้องให้เกิดความชัดเจนขึ้นมาว่า ไม่ว่าจะชอบหรือจะชังรัฐธรรมนูญปี 2560 หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หากจะแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ตามระบบที่มีอยู่ จำเป็นจะต้องมีเสียงของสมาชิกวุฒิสภาอย่างน้อย 1 ใน 3 คือ 84 คนทั้งในวาระที่ 1 และวาระที่ 3 ถ้าจะเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญไปอย่างไร จะตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร. หรือไม่ รวมทั้งจะแก้ไขรายประเด็น จะไม่ชอบวุฒิสภายังไงก็ตามแต่ หากแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา 84 คน “ไม่เช่นนั้นมีเพียง 2 วิธีคือ การรัฐประหารอีกครั้ง เพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญแล้วร่างกันใหม่ หรือไม่ก็เกิดการปฏิวัติประชาชนเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งทั้ง 2 ทางมีโอกาสที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองทั้งสิ้น จึงเห็นควรว่าให้ใช้เวทีรัฐสภาเป็นที่แก้ปัญหา” นายคำนูณ กล่าว ทั้งนี้ นายคำนูณ กล่าวต่อว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคนพร้อมลงมติ ตามผลประโยชน์ของประชาชนอย่างรอบคอบและรอบด้าน แต่ขณะนี้จะให้แต่ละคนบอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ก็ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะยังไม่เห็นโจทก์หรือร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งวุฒิสภาก็พร้อมติดตามอย่างใกล้ชิด และหากมีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ วุฒิสภาก็พร้อมนำมาศึกษาในคณะกรรมาธิการกิจการวุฒิสภา หรือสมาชิกวุฒิสภาแต่ละคนก็จะนำมาศึกษา เพื่อตัดสินใจประกอบการลงมติ ซึ่งความคืบหน้าดังกล่าวเบื้องต้นน่าจะอยู่ที่สัปดาห์นี้ ที่จะต้องดูว่า พรรคฝ่ายค้านจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ และดูท่าทีของฝ่ายรัฐบาลรวมถึงคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยมีกำหนดจะรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 9 กันยายน และถ้ามีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจากพรรคฝ่ายค้านเข้ามา คณะรัฐมนตรีจะต้องเสนอร่างของคณะรัฐมนตรีเข้ามาประกบ ในการพิจารณาร่วมกันด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อถึงวันนั้นโจทก์ก็จะชัดเจนมากขึ้น ว่า มีร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งหมดกี่ร่าง รวมถึงร่างที่ประชาชนจะนำเสนอเข้ามาด้วย เพื่อจะได้นำมาศึกษาและตัดสินใจกัน โดย นายคำนูณ กล่าวด้วยว่า ต้องเข้าใจ ว่า ขณะนี้สมาชิกวุฒิสภาไม่ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการพิจารณา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจำเป็นจะต้องมีองค์ประกอบของสมาชิกวุฒิสภาถึง 84 คน ซึ่งตนเองเคยเรียกร้องตั้งแต่ปีที่แล้ว และล่าสุดยังเสนออยู่ว่าสมควรจะมีเวทีให้ตัวแทนของสมาชิกวุฒิสภาเข้าไปร่วมหารือด้วย อย่างไรก็ตามในเวลานี้ การเรียกร้องนี้ยังสามารถทำได้ และไม่ใช่เฉพาะเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา ก็สามารถทำได้โดยการเปิดอภิปรายทั่วไปในรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 165 ซึ่งก็สุดแท้แต่นายกรัฐมนตรี แต่ทางวุฒิสภาก็ตอบได้เพียงเจตนาที่พร้อมจะให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แม้ จะเป็นเรื่องที่กระทบต่อสถานภาพของวุฒิสภาเอง โดยเชื่อว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคนไม่ได้ยึดติดในจุดนี้ เพียงแต่จะให้ตอบชัดเจนตอนนี้ก็ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังไม่เห็นตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ