นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟจเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุข้อความว่า...
[จดหมายเปิดผนึกกรณี 10 สิงหาคม]
.
หากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 คนไม่ทำให้ผมพ้นจากการเป็นผู้แทนราษฎร ผมตั้งใจจะอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะ “ผู้แทน” ของราษฎร เกี่ยวกับกรณีการแสดงออกของนักศึกษาเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เมื่อไม่มีโอกาสอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ผมจึงขอใช้วิธีการเขียนเป็น “จดหมายเปิดผนึก” แทน
...
ผมใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งแต่ปี 2540 จบการศึกษาปริญญาตรีปี 2544 และเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ประจำต่อ จากนั้นลาไปศึกษาต่อต่างประเทศจนจบการศึกษาปริญญาเอก กลับมาสอนหนังสือจนถึงสิงหาคม 2561 ก็ได้ลาออกจากราชการเพื่อมาก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.
.
รวมเวลาที่ผมใช้ชีวิตอยู่ในธรรมศาสตร์ 21 ปี มีโอกาสคลุกคลีกับนักศึกษามากกว่าทศวรรษ ทำให้ผมรู้จักกับพลังและความกระตือรือร้นของพวกเขาเป็นอย่างดี
.
ช่วงวัยของนักเรียน นิสิต นักศึกษา คือ ช่วงวัยแห่งความพลุ่งพล่าน ช่วงวัยแห่งแห่งความต้องการต่อต้านไม่รับสิ่งที่มีอยู่เดิม ช่วงวัยแห่งความต้องการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่
.
ความคิดสร้างสรรค์ จิตวิญญาณของความเป็นขบถของเยาวชนคนรุ่นใหม่ คือ สิ่งดีงาม และเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง เราไม่ควรนำกฎระเบียบความเชื่อ ทั้งที่ปรากฏในรูป “กฎหมาย” และ “ธรรมเนียม” ไปกีดขวางพวกเขา แต่เราควรทำความเข้าใจถึงความปรารถนาของพวกเขา พูดคุยกันฉันมิตรดังเพื่อนร่วมชาติ
.
ต้องไม่ลืมว่าโลกมนุษย์อยู่มาได้จนทุกวันนี้ ก็เพราะ ความก้าวหน้า หากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นดังเดิม หากไม่มีการต่อต้านขัดขืนสิ่งที่เป็นอยู่ หากทุกคนยอมตามสิ่งเดิมหมด สิ่งใหม่ๆย่อมไม่เกิดขึ้น
.
เทคโนโลยีทันสมัย วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม สิทธิมนุษยชน ระบบเศรษฐกิจ ระบบการปกครอง ที่พวกเราใช้กันอยู่ ต่างก็เกิดจากการยืนกรานต่อสู้กับสิ่งเดิม แล้วเปลี่ยนให้เป็นสิ่งใหม่ที่ก้าวหน้าขึ้นทั้งนั้น
.
นักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน เขาต้องอยู่ในโลกนี้อีกนาน เขาจึงมีความชอบธรรมที่จะส่งเสียงเรียกร้อง และกำหนดอนาคตของสังคมที่เขาต้องอยู่ได้
.
พวกเขา คือ อนาคตของชาติ
.
สังคมใดที่คนรวมหัวกันฆ่าอนาคตของชาติ สังคมนั้นย่อมไม่มีอนาคต
...
ข้อเสนอ 10 ข้อจากเวทีการชุมนุม “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ในวันที่ 10 สิงหาคม 2563 คือ ความจริง กลั่นกรองออกจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่ในสังคมไทยมาหลายทศวรรษ
.
มันอาจเป็น “ความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจ” ของใครบางคน บางกลุ่ม
.
แต่ถ้าพวกท่านพอจะซื่อสัตย์กับตนเองอยู่บ้าง ไม่โกหกตนเอง พวกท่านคงต้องยอมรับว่า ในช่วงชีวิตของพวกท่าน ท่านต่างก็เคยคิดถึงประเด็นปัญหาเหล่านี้กันทั้งนั้น
.
นี่ไม่ต้องนับรวมว่า พวกท่านต่างก็เคยซุบซิบนินทากันกันในวงข้าว วงเหล้า วงสังคมอันสูงส่งของพวกท่านกันมาไม่มากก็น้อย
.
พวกท่านอาจไม่สบายใจกับรูปแบบเวทีการชุมนุม การแสดงออกบางอย่างบนเวทีชุมนุม
.
พวกท่านอาจโกรธกับท่าทีหรือน้ำเสียงของผู้ปราศรัย
.
พวกท่านอาจตะขิดตะขวงใจว่าทำไมต้องพูดเรื่องเหล่านี้บนเวทีชุมนุม ทำไมไม่คุยกัน “หลังบ้าน” หรืออย่างน้อยก็ในเวทีวิชาการ
.
นั่นเป็นเพียง “รูปแบบ” ซึ่งอาจเห็นต่างกัน อาจแจ้งเตือนกัน อาจขอความร่วมมือกันในฐานะผู้ผ่านประสบการณ์มาก่อน
.
แต่ไม่ควรนำมากลบข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่จริง
.
และยิ่งไม่ควรบิดเบือนให้พวกเขากลายเป็นพวก “ล้มเจ้า” หรือ “ชังชาติ” หรือ “ถูกล้างสมอง”
.
ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของพวกเขา ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนรูปแบบของรัฐ ประเทศไทยยังคงเป็นราชอาณาจักร มีพระมหาษัตริย์เป็นประมุขของรัฐสืบทอดทางสายโลหิต เช่นเดิม
.
ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของพวกเขา ไม่มีตรงไหนที่กระทบถึงการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย
.
ตรงกันข้าม ข้อเสนอทั้ง 10 ข้อของพวกเขา คือ การนำสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าสำคัญอย่างยิ่งยวดขึ้นมาพูดคุยอย่างเปิดเผย จริงใจ ตรงไปตรงมา ทั้งหมดก็เพื่อธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย
.
การผลักไสให้พวกเขาเป็นพวก “ล้มเจ้า” “ชังชาติ” ก็ดี
.
การใช้ “กฎหมาย” เป็นเครื่องมือเพื่อ “ปิดปาก” พวกเขา ก็ดี
.
การประดิษฐ์สร้างให้พวกเขาเป็น “วายร้าย” หรือ “ศัตรูของรัฐ” ก็ดี
.
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รังแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
.
วิธีการเหล่านี้ ไม่สามารถตัดไฟแต่ต้นลมได้ แต่มันจะกลายเป็นชนวนจุดไฟให้ลามทุ่ง
...
ผมยืนยันมาโดยตลอดตั้งแต่สมัยเป็นนักวิชาการจนกระทั่งมาเป็นนักการเมืองว่า ประเทศไทยต้องเป็นราชอาณาจักร ปกครองในระบอบประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
.
นั่นก็คือ
Kingdom + Democracy + Parliamentarism = Constitutional Monarchy
.
หลักการทั้งสาม อันได้แก่
.
1. ความเป็นราชอาณาจักรที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสืบทอดทางสายโลหิต
2. หลักการประชาธิปไตยที่ยืนยันให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน และแสดงออกทางตรงโดยการประชามติ หรือแสดงออกผ่านทางองค์กรของรัฐ ได้แก่ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล
3. ระบบรัฐสภา สมาชิกสภามาจากการเลือกตั้งของประชาชน และรัฐบาลมาจากความเห็นชอบของสภา
.
เมื่อผสมผสานหลักการทั้งสามนี้เข้าไว้ด้วยกัน ก็ออกมาเป็นการปกครองที่ชื่อว่า Constitutional
Monarchy
.
“ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” มีพัฒนาการตามยุคสมัย บางช่วงบางเวลา สถาบันหนึ่งอาจมีอำนาจมากกว่าสถาบันหนึ่ง บางช่วงบางเวลา เพดานสูง บางช่วงบางเวลา เพดานต่ำ นั่นก็เป็นพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ตามบริบท ข้อเท็จจริง
.
ดังนั้น การพูดคุยถึงสถาบันต่างๆในรัฐธรรมนูญ เพื่อปรุงแต่งผสมผสานให้ออกเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จึงเป็นเรื่องปกติ
.
ดังที่เราเคยพบเห็นการอภิปรายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในอดีต ดังที่เราเคยพบเห็นการจัดเสวนาทางวิชาการในอดีต
...
มนุษย์เรา เมื่อถูกล่ามโซ่ตรวนไว้อยู่ในถ้ำมืดมิดเป็นเวลานาน ก็อาจคุ้นชิน จนเมื่อปลดโซ่ตรวนแล้วเดินออกจากถ้ำ ไปพบแสงสว่างเข้า ก็อาจทรมานเจ็บปวดตาอยู่บ้าง แต่หากยอมรับว่านี่คือความจริงแล้วอยู่กับมันให้ได้ ปรับเปลี่ยนตนเองให้สอดรับกับความจริง ก็จะกลับสู่ภาวะปกติ
.
กาลเวลาหมุนเดินหน้ามาสู่ศตวรรษที่ 21 เราฝืนกฎธรรมชาติไม่ได้ สังคมก้าวรุดหน้าไปตามกาลสมัย การทวนเข็มนาฬิกาให้กลับไปที่เดิม สุดท้ายเข็มนาฬิกานั้นก็เดินหน้ากลับมาใหม่อยู่ดี
.
ในห้วงยามหัวต่อหัวเลี้ยวเช่นนี้
.
มีแต่ประชาธิปไตยเท่านั้นที่จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ดำรงอยู่ในสังคมไทยอย่างทรงพระเกียรติยศ อย่างมั่นคงสถาพร เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นมิ่งขวัญแก่อาณาประชาราษฎร์
.
มีประชาธิปไตยเป็นตัวตั้งพื้นฐาน เพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
.
ร่วมมือกันเถอะครับ
.
ทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และผู้อาวุโสที่ผ่านประสบการณ์มามาก
.
ทั้งประชาชนหาเช้ากินค่ำ และเศรษฐีผู้มั่งมี
.
ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และนักการเมือง
.
ทั้งนักการเมืองฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ทั้ง ส.ส.และ ส.ว.
.
ทั้งชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยม และฝ่ายก้าวหน้า
.
ทั้งหมดทุกคน เราต่างก็เป็นประชาชนคนไทยผู้อยู่อาศัยในผืนแผ่นดินนี้ด้วยกัน ต่อให้เราเห็นต่างกัน ไม่ชอบกัน เกลียดขี้หน้ากัน แต่เราก็หนีกันไม่พ้น อย่างไรเสีย เราก็เป็นเพื่อนร่วมชาติ และไม่มีใครรักชาติมากน้อยไปกว่ากัน
.
ยังพอมีเวลาและโอกาส อย่าทำให้สถานการณ์เลื่อนไถลไปรุนแรงจนไม่มีใครควบคุมหรือคาดคิดได้
.
ร่วมมือกันทุกฝักฝ่ายเถอะครับ เพื่อสร้างระบอบประชาธิปไตย และธำรงรักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์