นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ( FETCO) เปิดเผยว่า วันนี้ (13 ส.ค.) คณะกรรมการจะประชุมเพื่อสรุปข้อเสนอขับเคลื่อนตลาดทุนไทยต่อนายปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ซึ่งประเด็นที่จะนำเสนอ ได้แก่ 1.การส่งเสริมและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อกระตุ้นให้เกิดการออมะระยาวมากขึ้น เนื่องจากในช่วงการระบาดโควิด-19 เห็นได้ว่าประชาชนมีการออมเงินน้อยมาก หากใช้มาตรการด้านภาษีน่าจะช่วยให้เกิดการออมเพิ่มขึ้นได้ พร้อมจะเสนอให้มีการต่ออายุกองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ (SSFX) อีก 10 ปี หลังจากสิทธิประโยชน์ที่ให้เป็นพิเศษหมดอายุเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 และจะเสนอให้ลดระยะเวลาการถือครอง SSF และ SSFX จาก 10 ปี เหลือ 7 ปี เนื่องจากที่ผ่านมามีเม็ดเงินเข้ามาลงทุนค่อนข้างน้อยมาก เชื่อว่าระดับ 7 ปี น่าจะมีความเหมาะสม และน่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาเพิ่มมากขึ้น และเสนอการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินปันผลหากถือครองหุ้นระยะยาวเหมือนกับประเทศจีน หากมีการถือครองหุ้นระยะ 12 เดือนขึ้นไป จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินปันผลหรือไม่เสียภาษีเงินปันผล
2.ยกระดับสถานะตลาดทุนไทยสู่ระดับภูมิภาค เปิดให้บริษัทต่างประเทศเข้ามาระดมทุนในตลาดทุนไทยได้ เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เช่น การออกตราสารเงินสกุลต่างประเทศ ซึ่งต้องดำเนินการแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนไทย อีกทั้งการช่วยเหลือ SME ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านตลาดทุนได้มากขึ้น
3.อยากให้ภาครัฐเข้ามาใช้ประโยชน์จากตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนเพิ่มมากขึ้น เช่น การออกกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อระดมทุนมาใช้ในการพัฒนาประเทศ เพราะปัจจุบันหนี้สาธารณะของประเทศสูงขึ้น หลังจากมีการกู้เงินเพื่อมาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
4.ให้มีการประชุมร่วมกันระหว่างภาคตลาดทุนและภาครัฐมากขึ้นเป็นรายไตรมาส รวมถึงผลักดันพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เกิดการออมมากขึ้น