TFG โชว์กำไรสุทธิครึ่งปีแรกแตะ 1,072.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.38% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายไก่ และสุกรอยู่ในระดับที่ดีตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่บอรด์ไฟเขียวจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท ประเมินธุรกิจครึ่งปีหลังยังสดใส พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้โต 10% รักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ระดับ Double Digit นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,072.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.38% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 722.67 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 15,318.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.53% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 14,114.00 ล้านบาท ทั้งนี้รายได้รวมจากธุรกิจไก่อยู่ที่ 8,207.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 7,957.94 ล้านบาท โดยปริมาณขายไก่เพิ่มขึ้นเป็น 178,313.38 ตัน เพิ่มขึ้น 1.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากธุรกิจสุกรอยู่ที่ 4,234.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 9.83% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 3,855.22 ล้านบาท โดยปริมาณขายสุกรเพิ่มขึ้นเป็น 52,482.51 ตัน เพิ่มขึ้น 17.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธุรกิจอาหารสัตว์และอื่นๆมีรายได้รวม 2,551.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.04% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เท่ากับ 2,180.12 ล้านบาท โดยมีปริมาณอาหารสัตว์ขายนอกเครือ 195,349.87 ตัน เพิ่มขึ้น 17.05% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เนื่องจากราคาขายไก่ และสุกรอยู่ในระดับที่ดี และปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดำรงอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)ได้ในระดับที่ดี ตามความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.03 บาทต่อหุ้น โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์รับเงินปันผลในวันที่ 26 สิงหาคม 2563 (Record Date) กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 9 กันยายน 2563 "ในช่วงครึ่งปีแรกแม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่บริษัทยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ และประเมินว่าธุรกิจในครึ่งปีหลังยังคงสดใส พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้โต 10%" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวอีกว่าแนวโน้มรายได้รวมในปี 2563 จะยังคงเติบโตได้ เนื่องจากความต้องการบริโภคไก่และสุกร รวมถึงซัพพลายที่น้อยลงของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งได้รับผลกระทบ จากโรคระบาด ASF ในสุกร นอกจากนี้ บริษัทสามารถส่งออกไก่ดิบไปยังประเทศจีนมากขึ้นจากการได้รับอนุมัติให้ส่งออกได้เพิ่มขึ้นอีก 1 โรงงาน โดยปีนี้คาดว่าปริมาณส่งออกจีนเพิ่มเป็น 12,000 ตันต่อปี จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 5,000 ตันต่อปี