เมื่อแนวทางการเปิด travel bubble ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาจากหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะภาครัฐที่ยังกังวลถึงความปลอดภัยของประชาชนในประเทศเป็นหลัก จึงทำให้หน่วยงานด้านท่องเที่ยวต่างหากลยุทธ์เพื่อที่ผลักดันให้การท่องเที่ยวในประเทศเกิดการหมุนเวียน สร้างรายได้ให้กับสังคม และเศรษฐกิจต่อไป ปรับกลยุทธ์รับกลุ่มพรีเมี่ยม ซึ่งนายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนไทยที่นิยมเที่ยวต่างประเทศปีละ 10 ล้านคน ต้องหยุดเดินทาง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของการท่องเที่ยวในประเทศที่จะกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้หันกลับมาเที่ยวในเมืองไทย โดยปรับกลยุทธ์ทำแพ็กเกจทัวร์ระดับพรีเมี่ยม เน้นพักโรงแรมระดับ 4-5 ดาวขึ้นไป ซึ่งมีเพียงประมาณ 50% ที่ยังนิยมเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ที่เหลืออีก 50% เป็นกลุ่มที่นักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเอง และน่าจะส่งผลให้ภาพรวมของแพ็กเกจทัวร์ในตลาดมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายสุทธิพงศ์ กล่าวว่า การปรับยุทธศาสตร์ครั้งนี้ คือ การหันมาโฟกัสตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยมีตลาดคนไทยที่เที่ยวต่างประเทศในทุกปี ซึ่งน่าจะมีสัดส่วนตัวเลขนิยมเดินทางผ่านบริษัททัวร์ประมาณ 4-5 ล้านคน ดังนั้นจากสถานการณ์โดยรวมที่ยังไม่เอื้อให้คนออกเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้คนกลุ่มที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศได้ลดการใช้จ่ายลงด้วยเช่นกัน และหันกลับมาเที่ยวเมืองไทย และน่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หรือ 20-30% ของตลาดเอาต์บาวนด์ที่มีมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทในปี 2562 ชู 3 กลุ่มหลักช่วยท่องเที่ยว ส่วน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในเวลานี้ด้วยมาตรการของนโยบายของรัฐบาลภายใต้โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อให้คนไทยออกเดินทางระหว่างเดือนกรกฎาคม ตุลาคม 2563 นี้ เป็นการสร้างความมั่นใจถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับคนไทยในการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ พร้อมกันนี้เป็นการส่งสัญญาณให้ต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่น และช่วยพยุงธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ ให้สามารถดำเนินต่อไปได้ ซึ่งจากฐานข้อมูล พบว่า ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวมีการจ้างงานถึง 2.5 ล้านคน อีกทั้งยังส่งผลถึงการเดินทาง ที่จะไปเชื่อมต่อกับช่วงไฮซีซั่นในเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม เป็นการกระจายรายได้ให้กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาตั้งแต่ต้นปีให้เดินต่อไปได้ สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในช่วงนี้ คือ การท่องเที่ยวที่ต้องมาจากคนไทยเที่ยวไทยเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ที่ตั้งเป้าไว้ ประกอบด้วย 1.กลุ่มคนไทยเที่ยวนอก ซึ่งปี 2562 มีประมาณ 12-13 ล้านคน ใช้เงินมากกว่า 400 ล้านบาท 2.กลุ่มคนต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่พอมีกำลังซื้อ ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน 3.การจัดการประชุมสัมมนาภาครัฐ ซึ่งน่าจะช่วยในส่วนของโรงแรมต่างๆ ในช่วงที่ยังไม่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ในเวลานี้ เพราะตามโครงสร้างรายได้หลักของการท่องเที่ยว 2 ใน 3 ส่วน เป็นรายได้จากต่างประเทศ ดันระยองรับตลาดพรีเมี่ยม ด้าน นายอัครวิชย์ เทพาสิต ผู้อำนวยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานระยอง กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เตรียมผลักดันให้ระยองเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม หรือ ลักชูรี่เดสติเนชั่น โดยได้เตรียมจับมือกับพันธมิตรของระยองเตรียมความพร้อมรองรับกลุ่มเป้าหมายด้วยการพัฒนา และยกระดับสินค้า และบริการให้มีความเป็นลักชูรี่ขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะที่ นางสาวอรพรรณ เหล่าประภัสสร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วิไลลักษณ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารโรงแรมระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา โรงแรมระดับ 5 ดาว ริมทะเลหาดแม่พิมพ์ กล่าวว่า ทางระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา มีกลุ่มลูกค้า ทั้งที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติและกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยในสัดส่วนประมาณ 50% ต่อ 50% ซึ่งการที่รัฐบาลยังไม่เปิดน่านฟ้ารับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ธุรกิจของโรงแรมก็ยังดำเนินไปได้ เนื่องจากยังมีฐานลูกค้ากลุ่มคนไทยที่เข้ามาช่วยประคับประคองให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ พร้อมกันนี้ นางสาวอรพรรณ ยังกล่าวว่า เพื่อให้สอดรับกับแผนงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่เตรียมผลักดันให้ระยองเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมี่ยม หรือ ลักชูรี่เดสติเนชั่นจึงมีแผนจับมือกับพันธมิตรทำธุรกิจเรือยอชต์ ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการล่องเรือยอร์ตข้ามไปยังเกาะเสม็ด หรือ จัดกิจกรรมบนเรือยอชต์ เป็นต้น โดยได้วางแผนที่จะเปิดบริการด้านท่องเที่ยวด้านนี้ ในช่วงปลายปี 2563 เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวระยอง และพักที่ ระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา ได้รับประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่