วันที่ 1 ส.ค. 2563 นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยว่า สศค.ได้เตรียมเสนอแผนการปฎิรูปโครงสร้างภาษี รมว.การคลังคนใหม่พิจารณาแล้ว แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เสนอหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รมว.การคลัง เพราะการศึกษาที่ผ่านมาของคณะกรรมการที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้ศึกษาในสมมุติฐานที่แตกต่างจากปัจจุบัน ดังนั้นอาจต้องเปลี่ยนแปลงจากโครงสร้างที่ศึกษาแล้วเสร็จได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม แนวทางการปรับลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เหลือ 10% จากปัจจุบันสูงสุด 35% ตามนโยบายการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะมีการดำเนินการต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รมว.การคลังคนใหม่เช่นกัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในหลายสมมุติฐานที่ สศค.ได้ศึกษาไว้ “ต้องยอมรับว่าเมื่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป สมมุติฐานด้านการจัดเก็บภาษีของกรมต่าง ๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะปรับเพิ่มหรือลดตัวไหนในตอนนี้ แต่ในสถานการณ์เศรษฐกิจในขณะนี้ ยืนยันได้แค่ว่า ไม่เหมาะสมหากต้องปรับเพิ่มภาษีประเภทใด เพราะยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนได้” นายลวรณ กล่าว นายลวรณ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ว่า สศค.ก็มีความพร้อมในการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่เช่นกัน แต่จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนออกไปก่อน อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงในเร็ว ๆ นี้ ก็พร้อมที่จะเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้แน่นอน ส่วนการได้รับสิทธิ์สวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวน 200 และ 300 บาท ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและค่าก๊าชหุงต้ม ผู้ถือบัตรในปัจจุบันยังคงได้รับสิทธิ์อย่างต่อเนื่อง โดยกระทรวงการคลังได้มีการของบประมาณในปี 2564 เพื่อใช้จ่ายดังกล่าวไว้อยู่แล้ว ดังนั้นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวอีก ทั้งนี้ที่ผ่านมาในปี 2561 รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกรที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 43,164.51 ล้านบาท ในปี 2562 จำนวน 93,155.42 ล้านบาท ปี 2563 จำนวน 47,843.56 ล้านบาท และปี 2564 คาดการณ์ค่าใช้จ่ายที่ 54,729.25 ล้านบาท