อดีต สว.เพชรบุรี นำชาวบ้านร้องเรียน นายทุนถมที่ทับคลองสาธารณะ​ ขณะกำนันเจ้าของที่นำเอกสารสิทธิ์มาแสดงอ้างดำเนินการถูกต้อง​ กรมเจ้าท่ารุดตรวจสอบสั่งระงับชี้แจงไม่ได้หวงกันสิทธิ์ไว้ ถมคลองไม่ได้ เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 31 กรกฎาคม 2563 นายเนติ ตันตินิมิตรกุล เจ้าพนักงานตรวจท่าปฏิบัติการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเพชรบุรี นายพีรพงษ์ พึ่งโต ปลัดอำเภอศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลหนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เข้าตรวจสอบพื้นที่คลองบ้านโตนดน้อย บริเวณโครงการท่าเรือเฟอรี่ หมู่ 12 ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี หลังจากนายพรเทพ ศรีจันทร์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 12 ต.หนองขนาน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เข้าร้องเรียนว่ามีนายทุนได้นำหินมาถมทับคลองซึ่งเป็นล่องน้ำที่ชาวบ้านใช้วิ่งเรือเข้าออกทะเลมาเป็นเวลานาน โดยมีนายระวี รุ่งเรือง อดีตสมาชิกวุฒิสภา อดีตนายกเทศมนตรีตำบลหนองขนาน และชาวบ้านตำบลหนองขนาน กว่า 30 คน ร่วมเดินทางมาสังเกตการณ์ จากการตรวจสอบพบว่ามีรถบรรทุกพ่วงขนหินวิ่งเข้ามาถมและมีรถแบ็คโฮและรถไถกำลังเกลี่ยหินและไถหินทับถมลงไปในคลองโตนดน้อยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ทำการตรวจสอบอยู่นั้นได้มีนายสมชาย สุขศรี กำนันตำบลปึกเตียน อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี แสดงตัวเป็นเจ้าของและนำเอกสารสิทธิ์มาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ ด้านนายสมชาย เปิดเผยว่า ที่ดินผืนดังกล่าวมีจำนวน 19 ไร่ เดิมนางบุญรวม เสนาดิสัย เป็นเจ้าของที่ดินก่อนถูกเปลี่ยนมือมาแล้วหลายเจ้าของ โดยตนได้ไปซื้อที่ดินผืนนี้มาจากกรมบังคับคดีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และให้เจ้าหน้าที่ที่ดินเอกชนมาทำการรังวัดปรากฏว่าคลองดังกล่าวอยู่ในกรรมสิทธิ์ที่ดินของตนและเจ้าของเดิมได้หวงกันสิทธิ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตนจึงได้ทำการนำหินมาถมทับคลองดังกล่าว แต่เมื่อมีชาวบ้านออกมาคัดค้านตนก็ยินยอมที่จะขุดคลองเพื่อเปิดทางให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์นำเรื่อเข้า-ออกผ่านในที่ดินของตนได้ตลอดไป นายระวี กล่าวว่า คลองบ้านโตนดน้อยเป็นทางคลองน้ำออกธรรมชาติที่ชาวประมงพื้นบ้านกว่า 60 ลำใช้ประโยชน์ในการวิ่งเรือเข้า-ออกมาเป็นเวลานาน พอถึงช่วงฤดูที่มีทรายมาทับถมปิดปากคลองกรมเจ้าท่าก็จะมาขุดลอกให้ทุกปี ต่อมาประมาณปี 2547-2548 เอกสารสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้ได้มีการเปลี่ยนมือจากเจ้าของเดิมไปเป็นของคนในกรุงเทพฯ และถูกนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันไว้ที่บริษัทแห่งหนึ่งในราคาประมาณ 49 ล้านบาท และไม่ได้มีการส่งเงินใช้หนี้กับสถาบันการเงินเลย จนกรมบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาด และนายสมชายได้ไปซื้อที่ดินและนำหินมาถมทับคลองซึ่งอ้างว่าอยู่ในกรรมสิทธิ์ที่ดินของตนเอง “ที่ดินผืนนี้ได้ถูกกัดเซาะเปลี่ยนสภาพและเจ้าของไม่ได้มีการหวงกันสิทธิ์ปล่อยให้น้ำทะเลท่วมถึงถือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ การที่นายสมชายอ้างสิทธิ์ว่าอยู่ในที่ดินของตนเองถือว่าไม่ถูกต้อง ตนและชาวบ้านจึงขอให้กรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการให้คลองดังกล่าวกลับมาสู่สภาพเดิมโดยเร็ว” นายระวีกล่าว นายเนติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศพบว่าบริเวณที่มีการนำหินมาถมนั้นมีสภาพเป็นคลองธรรมชาติการที่นายสมชายไปซื้อที่ดินมาจากกรมบังคับคดีแล้วอ้างว่าอยู่ในเอกสารสิทธิ์แล้วนำหินมาถมทับคลองนั้นไม่ได้เนื่องจากเจ้าของเดิมไม่ได้มีการหวงกันสิทธิ์และสภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป เบื้องต้นได้สั่งระงับไม่ให้มีการถมคลองและจะประสานที่ดินจังหวัดเพชรบุรีเข้ามาทำการรังวัดที่ดินเพื่อแบ่งหักให้เป็นที่สาธารณะต่อไป