บ้านเราที่แดดแรงเหลือใจในแทบจะทุกหน้า ทำให้ผลิตภัณฑ์กันแดดเป็นสิ่งที่จำเป็นอีกอย่างสำหรับใครหลายคน เพจสถาบันโรคผิวหนัง ข้อมูลโดยพญ.อรจุฑา ชยางศุ สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุ “ปัจจุบันนอกจากครีมกันแดดชนิดทาแล้ว ในท้องตลาดยังมีผลิตภัณฑ์กินแดดชนิดกินมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการป้องกันแสงแดดอีกด้วย ข้อดี - ใช้ง่ายไม่ต้องทาให้เหนียวเหนอะหนะ การออกฤทธิ์ไม่ต้องขึ้นกับการดูดซึมผ่านทางผิวหนัง - ไม่ถูกรบกวนด้วยปัจจัยภายนอก เช่น เหงื่อ น้ำทะเล หรือน้ำจากสระว่ายน้ำ จึงไม่ต้องทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง ข้อเสีย – ผลข้างเคียงจากการดูดซึมยา - กันแดดชนิดกินไม่สามารถนำมาใช้แทนครีมกันแดดชนิดทาได้ เนื่องจากไม่ได้ออกฤทธิ์เป็นเกราะป้องกันรังสียูวีโดยตรง ทั้งนี้ ควรนำผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดกินมาใช้เป็นเพียงตัวช่วยเสริมฤทธิ์ยาครีมกันแดดชนิดทา ใช้ในการป้องกันผิวหนังจากผลกระทบที่เกิดจากแสงแดด เช่น ผิวไหม้อักเสบ ผิวหยาบกร้าน ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย และการเกิดมะเร็งผิวหนัง ผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดกินอาจออกฤทธิ์เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ สารที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ หรือสารที่มีฤทธิ์เปลี่ยนแปลงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีต่อแสงแดด โดยสารที่นิยมใช้มักเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ดูดซับได้ง่าย เช่น สารสกัดจากชาเขียว โกโก้ ทับทิม เป็นต้น ซึ่งมีสารออกฤทธิ์หลัก ดังนี้ 1.วิตามินซี, อี, อนุพันธ์วิตามินบีสาม วิตามินดีสาม 2.สารกลุ่มโพลีฟีนอล แบ่งเป็น 2 กลุ่ม -กลุ่มฟลาโวนอยด์ - กลุ่มที่ไม่ใช่ฟลาโวนอยด์ 3.สารกลุ่มที่ไม่ใช่โพลีฟีนอล - สารแคโรทีนอยด์ - สารคาเฟอีน ข้อควรระวัง ผลิตภัณฑ์กันแดดชนิดกิน มีทั้งรูปแบบน้ำ เม็ด และแคปซูล ปริมาณยาที่เหมาะสมและการบริหารยาให้อ้างอิงตามฉลากของผลิตภัณฑ์ และหากมีอาการผิดปกติ หลังจากใช้ยา เช่น มีผื่นคัน แสบบริเวณผิวหนัง ตาไวต่อแสง เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ให้หยุดยาทันทีและควรรีบไปพบแพทย์”