สมเด็จพระบรมศาสดา เมื่อทรงบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ยังต้องทรงบำเพ็ญพระพุทธกิจโปรดเวไนยนิกรให้ดื่มด่ำพระสัจธรรมยังพระพุทธภูมิให้สำเร็จเป็นอันดี ข้อนี้มีอุปมาฉันใด พระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงดำรงราชัยสวรรคก็มีอุปไมยฉันนั้น จึงขอรับพระราชทานเลือกสรรพระราชธรรมของโบราณกษัตริย์มาถวายวิสัชนา โดยมีทศพิธราชธรรมมาเป็นปฐม 10 ประการ ดังนี้ 1. ทาน การให้ พระมหากษัตริย์พึงชุบเลี้ยงพระราชวัง ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ข้าราชการ บรรพชิต ตลอดจนอาณาประชาราษฎร ด้วยวัตถุปัจจัยบรรดาอามิตรทั้งหลายตามฐานานุรูปของบุคคลนั้นๆ และการพระราชทานธรรมทานแจกจ่ายพระบรมราโชวาท พระราชดำริ อันถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ให้พสกนิกรทั้งหลายเจริญรอยตาม 2. ศีล การสังวรกาย วาจาให้ปราศจากโทษ พระมหากษัตริย์พึงเว้นจากความประพฤติทุจริต กล่าวในการทางปกครอง ย่อมหมายถึงรัฐธรรมนูญ บทกฎหมาย และจารีตประเพณีอันดีงาม กล่าวในทางพุทธศาสนา หมายถึงศีล อย่างน้อยคือศีล 5 ของฆราวาสทั่วไป และพระราชาจะทรงรักษาและโน้มน้าวให้พสกนิกรรักษาด้วย 3. บริจาค พระมหากษัตริย์พึงสละสิ่งไม่เป็นประโยชน์หรือเป็นประโยชน์ เพื่อสิ่งที่เป็นประโยชน์ใหญ่กว่า เพื่อบรรเทาความตระหนี่ ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า พึงสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะอันประเสริฐ เพื่อรักษาชีวิตก็พึงสละอวัยวะ เพื่อจะรักษาธรรมะก็พึงสละทรัพย์ อวัยวะ และแม้ชีวิตได้ทั้งสิ้น 4. อาชวะ ความซื่อตรง พระมหากษัตริย์พึงประพฤติพระองค์ ซื่อตรงในการงานตามหน้าที่ของพระประมุข ปราศจากมารยา ซื่อสัตย์สุจริตต่อสัมพันธมิตร พระราชวงศ์ และข้าทูลละอองธุลีพระบาท ไม่ทรงหลอกลวงประทุษร้ายโดยอยุติธรรม 5. มัททวะ ความอ่อนโยน พระมหากษัตริย์พึงมีพระราชอัธยาศัยอ่อนโยน ละมุนละม่อม ไม่ถือพระองค์ด้วยความดื้อรั้น เมื่อมีผู้กราบบังคมทูลพระกรุณาด้วยเหตุผลของบัณฑิตก็ควรทรงสดับฟังโดยถี่ถ้วน ถ้าดีควรอนุโมทนาและปฏิบัติตาม และควรมีความอ่อนน้อมท่านผู้เจริญโดยวัยและคุณความดี 6. ตบะ การกำจัดความเกียจคร้านและความชั่ว พระมหากษัตริย์พึงมีตบะ ซึ่งตบะของพระมหากษัตริย์คือการคุ้มครองประชาชน ต้องทรงพากเพียรที่จะขจัดความเกียจคร้านเบื่อหน่ายที่จะรักษาอาณาประชาราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข ต้องทรงตั้งพระราชหฤทัยบำเพ็ญพระราชกิจอย่างสม่ำเสมอและให้ดียิ่งขึ้น 7. อักโกธะ ความไม่มักโกรธ พระมหากษัตริย์พึงมีพระเมตตาสูงส่ง ไม่ทรงปรารถนาจะก่อเวรภัยแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ไม่ทรงพระพิโรธด้วยเหตุอันไม่สมควร แม้จะมีเหตุให้ทรงบรรลุแก่อำนาจแห่งความโกรธ ก็พึงข่มพระราชหฤทัยให้สงบระงับ มิให้บังเกิดพระกริยาอันไม่งดงาม ไม่น่ารัก น่าเคารพ ดุจมีพระฉายส่องพระพักตร์เป็นเครื่องกำกับพระอาการไว้เสมอ 8. อวิหิงสา การไม่เบียดเบียนผู้อื่น ตลอดจนสรรพสัตว์ให้ตกทุกข์ได้ยาก พระมหากษัตริย์พึงประกอบด้วยพระมหากรุณา ไม่ปรารถนาจะทรงเบียดเบียนผู้ใดให้ลำบาก ไม่ทรงก่อทุกข์ยากแก่มนุษย์หรือสัตว์เพียงเพื่อความสนุก ไม่ขูดรีดหรือกะเกณฑ์ราษฎรอย่างเหลือกำลัง กระทั่งเกิดความระส่ำระสาย ทรงคุ้มครองประชาชนดุจดังบิดรมารดารักษาบุตร 9. ขันติ ความอดทนต่อสิ่งที่ควรอดทนเป็นเบื้องหน้า พระมหากษัตริย์พึงมีพระราชหฤทัยกล้าหาญ อดทนต่อโลภะ โทสะ และโมหะ ย่อมต้องทรงอดทนต่อสู้กับกิเลสได้ ทรงสามารถอดทนต่อถ้อยคำที่ชั่ว ติฉินนินทา ทรงรักษาพระกายพระวาจาให้สงบเรียบร้อยได้เสมอ 10. อวิโรธะ การไม่ปฏิบัติให้ผิดจากการที่ถูกที่ตรง ดำรงอาการคงที่ พระมหากษัตริย์พึงรักษาพระราชจรรยานุวัตรตามหลักนิติศาสตร์และราชศาสตร์ ไม่ทรงประพฤติคลาดจากความยุติธรรม ทรงยกย่องผู้กระทำดีสมควรได้รับการยกย่อง ทรงปราบปราบผู้กระทำเลวสมควรถูกกำราบ ไม่ทรงตัดสินพระราชหฤทัยเชิดชูหรือข่มเหงบุคคลใดๆ ด้วยอำนาจแห่งอคติ คือ ความลำเอียง 4 ประการ เพราะความชอบ ความชัง ความกลัว และความเขลา หากทรงดำรงพระราชธรรมได้ดังนี้ พระปีติโสมนัสมหาศาลก็จะบังเกิดแก่พระองค์ และย่อมทรงเป็นที่สรรเสริญว่า ทรงปกครองโดยธรรมะเป็นอุบาย ชนทั้งหลายก็น้อมเข้าสวามิภักดิ์ต่อพระประมุขผู้ได้ชื่อว่า ทรงปกครองโดยธรรม มิใช่โดยอำนาจ ต่างเจริญสุขสวัสดีร่วมกันได้ทุกสถาน” ความตอนหนึ่งจาก สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อครั้งถวายศีล ถวายพร และถวายวิสัชนาพระธรรมเทศนา "ทศพิธราชธรรมจริยาทิกถา" แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีเฉลิมพระปรมาภิไธย พระนามาภิไธย และสถาปนาพระฐานันดรศักดิ์พระบรมวงศ์ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม2562
จวบจนวันนี้เป็นที่ประจักษ์แก่อาณาประชาราษฎร์แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระองค์อยู่ในทศพิธราชธรรม ตามราชธรรมโบราณกษัตริย์สืบมา
ในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 “ทีมข่าวสตรี” ขออัญเชิญอีกหนึ่งพระราชจริยวัตรอันงดงามของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฐานะที่ทรงเป็นแบบอย่างของความ “กตัญญู" จากการประกอบพระราชกรณียกิจแทนพระบรมราชชนกและพระบรมราชชนนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทีและความจงรักภักดีต่อ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้แก่ชาวไทยทั่วประเทศและทั่วโลก ย้อนกลับไปเมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวิชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2515 ระหว่างที่ทรงศึกษาวิชาการทหาร ณ โรงเรียนนายร้อยดันทรุน เครือรัฐออสเตรเลีย ซึ่งในขณะนั้นทรงเจริญพระชนมายุได้ 20 พรรษา โดยทรงพระราชนิพนธ์ถวายพระพระราชมารดา ที่ใช้ชื่อว่า “ชายรักแม่ สุดหัวใจ” ความว่า … วันเฉลิม สมเด็จแม่ ได้แต่คิด ขอน้อมจิต รำลึก คะนึงหา พระคุณแม่ มากล้น เหลือคณนา ลูกเกิดมา โชคดี มีแม่งาม ไปเมืองไหน ถูกถาม ถึงนามแม่ ว่าสวยแท้ ราชินี แห่งสยาม ควีนสิริกิติ์ จำขึ้นใจ ในพระนาม ชมว่างาม เพริศพริ้ง ยอดหญิงไทย แม่รักชาย ห่วงชาย ชายก็รู้ ชายจะสู้ สุดชีวา อย่าสงสัย จะทำตัว ให้สม แม่วางใจ จะรักไทย กู้ศักดิ์ศรี จักรีวงศ์ จะรักหญิง ที่เขา เข้าใจแม่ จะแน่วแน่ พุทธศาสน์ ถือพระสงฆ์ การสวดมนต์ ไหว้พระ จะดำรง จะมั่นคง รักชาวไทย ไม่เสื่อมคลาย ขอถวาย สมเด็จแม่ เพียงแค่นี้ จงโชคดี มีสุข ทุกข์จากหาย อย่าคิดมาก ทำพระทัย ให้สบาย เรื่องลูกชาย แม่อย่าเศร้า เขารักดี ชายขอกราบ ลงที่ตัก พร้อมรักแท้ ชายรักแม่ สุดหัวใจ ชายไม่หนี ชายจะเป็น กำลังใจ ป้องไพรี มอบชีวี และเลือดเนื้อ เพื่อแม่เอย ต่อมาในปี 2558 'กินเนสส์บุ๊ก' หรือ สถิติโลกกินเนสส์เวิลด์เรกคอร์ด ได้มีการบันทึกไว้ว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ได้ทรงจักรยานพระที่นั่งนำประชาชนทั่วประเทศปั่นจักรยานในกิจกรรม Bike for Mom หรือ ปั่นเพื่อแม่ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2558 และเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2558 พระองค์ทรงจักรยานพระที่นั่งนำประชาชนทั่วประเทศปั่นจักรยานในกิจกรรม Bike for Dad หรือ ปั่นเพื่อพ่อ เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อแสดงออกถึง ความรักที่มีต่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตลอดจนสร้างความสามัคคีของคนในชาติ เสริมสร้างสุขภาพของประชาชนในการออกกำลังกาย และมีน้ำใจนักกีฬา เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2563 “ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”