ในเวลานี้ทางอวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ได้ยกระดับการป้องกันเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้บริการ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทั้งด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยควบคู่ไปกับการรักษาคุณภาพการบริการ โดยหนึ่งในมาตรการ คือ การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ อาทิ การเช็คอิน เช็คเอาท์และบริการคอนเซียช ในรูปแบบดิจิตอล ตามแนวทางที่ได้ประกาศจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค และองค์การอนามัยโลก ซึ่ง นายจอน วอร์มิงตัน" ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมอวานี เอเทรียม แบงคอก ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานได้อย่างน่าสนใจ มียอดบุ๊กกิ้งในกลุ่มนักธุรกิจ ทั้งนี้ นายจอน วอร์มิงตัน ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมอวานี เอเทรียม แบงคอก กล่าวว่า ปัจจุบันโรงแรมเปิดให้บริการในส่วนของห้องอาหาร และห้องประชุมสัมมนาเท่านั้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าคนไทย ส่วนห้องพักยังไม่มีกำหนดเวลาที่ชัดเจน แต่พร้อมที่จะเปิดบริการเมื่อน่านฟ้าเปิดให้สายการบินสามารถทำการบินเข้า-ออกประเทศได้ ซึ่งน่าจะอยู่ที่ดีมานด์เป็นหลัก โดยต้องมีอัตราการจองห้องพักเข้ามาไม่ต่ำกว่า 50% จากเดิมก่อนโควิด-19มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80% "ช่วงนี้มียอดบุ๊กกิ้งในกลุ่มนักธุรกิจทำสัญญาการจองในปี 2564 เนื่องจากโรงแรมอวานี เอเทรียม แบงคอก เป็นสไตล์ซิตี้โฮเทล อยู่ใกล้เส้นทางการคมนาคมขนส่งหลัก ๆ ของกรุงเทพฯ และมีห้องพักจำนวนมาก โดยมีห้องประชุมสัมมนา 5 ห้อง ทำให้มีลูกค้าทั้งกลุ่มนักธุรกิจ ประชุมสัมมนา รวมถึงกรุ๊ปทัวร์ มีลูกค้าที่หลากหลาย" ใช้มาตรการใหม่ด้านสุขอนามัย โดย นายจอน กล่าวต่อว่า กลุ่มอวานี โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท ได้เตรียมพร้อมสำหรับการต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยว ด้วยมาตรการใหม่ด้านอนามัยและความปลอดภัยภายใต้ชื่อ อวานีชิลด์ (AvaniSHIELD) ซึ่งได้ยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยทั้งผู้ใช้บริการและพนักงาน ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวได้มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีใหม่มาปรับใช้ เพื่อลดการสัมผัส เช่นการทักทายแบบไม่สัมผัสร่างกาย เพื่อสร้างวินัยในการเว้นระยะทางสังคม โดยพนักงานของอวานี จะมีการทักทายในรูปแบบเฉพาะตามประเพณีของแต่ละประเทศการเช็กอินและเช็กเอาต์ผ่านระบบออนไลน์ โดยผู้เข้าพักสามารถทำการลงทะเบียนผ่านทางระบบออนไลน์ และจะได้รับกุญแจห้องพักจากแผนกต้อนรับเมื่อถึงโรงแรม สำหรับการเช็กเอาต์นั้นสามารถชำระค่าใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินออนไลน์ และรับใบเสร็จผ่านทางอีเมล์ แอปพลิเคชั่นคอนเซียร์จ เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อระหว่างพนักงานผู้ให้บริการข้อมูลกับผู้เข้าพัก และใช้ในการดูเมนูอาหาร สั่งอาหารเพื่อรับประทานในห้องพัก รวมถึงการจองกิจกรรมนอกสถานที่ นอกจากนี้ยังมี เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยอื่น ๆ ได้แก่ การเคลือบพื้นผิวด้วยวัสดุทองแดงช่วยต่อต้านจุลินทรีย์ สำหรับพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อย อาทิ มือจับประตู และปุ่มลิฟต์ การฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีซี โดยแผนกต้อนรับจะใช้กล่องฆ่าเชื้อยูวีซี ในการฆ่าเชื้อโรคบนคีย์การ์ดห้องพัก เครื่องเขียน และวัตถุอื่น ๆ ที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ โรงแรมบางแห่งในเครืออวานีจะเพิ่มเครื่องระบบฟอกอากาศมาตรฐาน HEPA ในห้องพักและกระบวนการทำความสะอาดห้องออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ขนาด 0.01 ไมครอน(10 นาโนเมตร) ได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99.99% ส่วนการฆ่าเชื้อวัตถุต่าง ๆ นั้น โรงแรมทุกแห่งจะมีการกำหนด และปฏิบัติตามขั้นตอนการฆ่าเชื้อที่อาจติดมาบนกระเป๋าเดินทาง สัมภาระ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำเข้ามาในโรงแรม สร้างความมั่นใจในอุปกรณ์ ซึ่ง นายจอน กล่าวว่า ก่อนที่จะมีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อวานีได้มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Ecolab และยังคงดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจในอุปกรณ์และมาตรการทั้งหมดเป็นไปตามมาตรฐานของ Ecolab และองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งการทำความสะอาดด้วยเคมีตามมาตรฐานของสำนักงาน EPAอีกทั้งอวานีทุกแห่งยังมีการแต่งตั้งพนักงาน AvaniSHIELDรับผิดชอบดูแลการรักษาความสะอาดให้เป็นไปตามขั้นตอนใหม่ สำหรับอวานี โฮเทลส์ เป็นแบรนด์โรงแรมในเครือบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ที่เปิดให้บริการเพื่อตอบสนองกลุ่มนักเดินทางทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนอย่างมีสไตล์และคุ้มค่า ปัจจุบันมีโรงแรมภายใต้แบรนด์อวานี กว่า 30 แห่งในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป และยังอยู่ระหว่างการพัฒนาและขยายไปยังจุดหมายใหม่อีกจำนวนมาก อาทิ เกาหลีใต้ มัลดีฟส์ มอริเชียส และโอมาน เป็นต้น