“ศบค.” เผยไทยพบผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย กลับจาก “อเมริกา-ไต้หวัน” จ่อผ่อนคลาย“สถานศึกษา”ทั่วประเทศ เปิดเรียนตามปกติ มอบ“สธ.-ศธ.”ถกแนวทางป้องกัน ด้าน“แดนตากาล็อก”หนัก! โควิด-19 พ่นพิษยอดตายป่วยวันเดียวทุบสถิติ “จีน”ส่อเค้าอาละวาดอีกระลอก หลังพบผู้ป่วยรายใหม่ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ก.ค.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงไทย อายุ 44 ปี เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา รายที่ 2 และ 3 เป็นนักศึกษาชาย และหญิงไทย อายุ 25 ปี และ 21 ปี และ รายที่ 4 เป็นชายไทย อายุ 30 ปี มีอาชีพพนักงานโรงงาน กลับมาจากไต้หวัน โดยอยู่ในสถานที่กัก กันของรัฐทั้งสิ้น ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,295 ราย มีผู้ติดเชื้อในสถานที่กักกันของรัฐ 358 ราย รักษาหายแล้ว 3,111 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตคงที่ 58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล126 ราย โฆษก ศบค. กล่าวถึงแนวทางมาตรการผ่อนคลายมาตรการของสถานศึกษา ว่า ช่วงนี้เปิดโรงเรียนมาร่วม 1 เดือน ซึ่งช่วงแรกกังวลใจว่าการไปโรงเรียนของเด็กที่มีการเล่นใกล้ชิดกันจะมีการติดเชื้อโควิด-19 โดยขณะนี้ ศบค.ชุดเล็กให้กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประเมินรายงานสถานการณ์พบว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีการติดเชื้อในสถานศึกษา โดยมีข้อมูลว่า เด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อที่ค่อนข้างต่ำ และรายงานในประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมในกลุ่มนี้เพียงร้อยละ 1-6 แบ่งกลุ่ม 0-9 ปี 62 ราย ร้อยละ 1.9 และกลุ่มอายุ 10-19 ปี 126 ราย ร้อยละ 3.87 ทั้งนี้ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ยังไม่มีการรายงานติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน (Cluster) ในกลุ่มนี้ โดยนักวิชาการให้ข้อสังเกตว่าที่เด็กติดเชื้อน้อยกว่า เกิดจากสาเหตุของตัวรับเชื้อในโพรงจมูกของเด็กน้อยกว่าผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่กังวลคือ สามารถเป็นผู้นำพาหะเชื้อกลับเข้าสู่ในบ้านได้ โดยผู้ใหญ่มีตัวรับเชื้อที่มากกว่า อาจจะมีการติดเชื้อได้ง่ายกว่า “ดังนั้นจึงมีการตั้งโจทย์ว่าจะมีมาตรการผ่อนคลายที่เร็วขึ้นได้หรือไม่ โดยขณะนี้มีโรงเรียน 4,528 แห่ง ที่จะต้องใช้วิธีการสลับเวลาเรียน เนื่องจากโรงเรียนมีขนาดเล็ก ไม่เพียงพอต่อการจัดห้องเรียน มีผลกระทบหลายด้าน เช่น การเรียนรู้ของเด็กถดถอยลง ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเหลื่อมล้ำ การเข้าถึงทรัพยากร การโภชนาการ เป็นต้น ดังนั้นสธ.และศธ. มีการหารือกันเพื่อให้ผ่อนคลายเด็กให้กลับไปเรียนได้อย่างปกติ โดยจะต้องมีมาตรการเสริมที่เข้มขึ้นเช่น จัดห้องเรียนให้มีระยะห่างกันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ห้องแอร์ให้เปิดประตูหน้าต่างในช่วงที่ไม่มีการใช้ห้องเรียน และให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด อำเภอ และตำบล ซึ่งทุกระดับจะต้องเข้าไปดูแลเด็ก กำกับดูแลเป็นลำดับขั้น” สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ เปิดเผยสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศ ตลอดช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 2,110 ราย และผู้ป่วยที่เสียชีวิต 39 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมง หรือภายในวันเดียว นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวเมื่อช่วงต้นปีนี้ ทางด้าน สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีน ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยวันเดียว พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีน จำนวน 61 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 57 ราย และอีก 4 ราย เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยตามรายงานเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันจันทร์ที่ 27 ก.ค.63 ตามวันเวลาในไทย ระบุว่า เชื้อไวรัสฯ ได้ลุกลามไปแล้ว 213 ประเทศ ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 16,421,465 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 652,276 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 10,051,644 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 4,371,839 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 149,849 ราย