“ธนาธร” ควง “ไพบูลย์” บุกนนทบุรี รับฟังความเดือดร้อนหลังโควิด-19 ชี้ เศรษฐกิจถดถอย - จี้รัฐกระจายเม็ดเงินให้ถึงคนเล็กคนน้อยในสังคม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ก.ค.63 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วยนายไกลก้อง ไวทยการ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และนายไพบูลย์ กิจวรวุฒิ ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีและทีมงาน เดินทางไปยังตลาดหัวถนน ชุมชนปากเกร็ด เพื่อรับฟังปัญหาสภาพเศรษฐกิจภายใต้วิกฤฤติโควิด-19 ก่อนที่จะร่วมเปิดเวทีเสวนาพัฒนาท้องถิ่นจังหวัดนนทบุรี โดยธนาธร ระบุว่า วันนี้เป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ในนามของคณะก้าวหน้าซึ่งก็ได้แก่ นายไพบูลย์ กิจวรวุฒิ ซึ่งเป็นคนนนทบุรีเกิดและเติบโตที่ปากเกร็ด วันนี้ต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงบ้านเกิดของตัวเองถ้าต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงจังหวัดตัวเอง ตนขอฝากประชาชนจังหวัดนนทบุรี ให้กำลังใจสนับสนุนนายไพบูลย์ นำคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารจัดการจังหวัดของเราเอง เพื่อจะได้นำความเจริญสู่จังหวัดนนทบุรี “ในช่วงเช้าผมกับคุณไพบูลย์ได้มีโอกาสเดินไปในตลาดหัวถนนชุมชนปากเกร็ด เพื่อรับฟังสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ผมได้รับฟังสถานการณ์เศรษฐกิจจากพ่อค้าแม่ค้าให้ผู้ประกอบการจริง สิ่งที่ได้รับก็คือพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ในตลาดตั้งแต่ร้านขายของชำร้าน ขายผักร้านขายหมู ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่า ยอดขายลดต่ำลงไปกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนโรคโควิด-19แพร่ระบาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สภาวะเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ กำลังซื้อภายในประเทศถดถอย พ่อค้าแม่ขายหลายรายตกอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก เนื่องจากที่ผ่านมานโยบายกู้หนี้ยืมสิน ซึ่งหลายส่วนเป็นหนี้นอกระบบทำให้มีดอกเบี้ยที่สูง ทุกคนกำลังกระเสือกกระสนดิ้นรนต่อสู้กับชีวิตในรูปแบบของตัวเอง ผมก็หวังว่าภาครัฐจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะกระตุ้นเม็ดเงินลงมาสู่คนเล็กคนน้อยในสังคมได้จริง” นายไพบูลย์ กล่าวว่า พูดถึงส่วนหัวถนนบริเวณนี้ในสมัยก่อนนั้นเจริญเป็นอย่างมาก มีหลากหลายปัญหาที่เราได้พบเจอและอยู่กับมันมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วมขัง ปัญหารถติด ปัญหาขยะ ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาทางการเมือง และที่สำคัญเป็นปัญหาการเมืองระดับท้องถิ่น ซึ่งปัญหาทั้งหมดเราทำคนเดียวไม่ได้ วันนี้เราจึงมารับสมัครอปท. ทุกพื้นที่ที่มีกว่า 46 แห่ง เราต้องการพัฒนาจังหวัดนนทบุรีเป็นจังหวัดต้นแบบในการพัฒนาประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเริ่มต้นได้ที่บ้านเกิดของเราเอง ธนาธร ชี้ ความยุติธรรม เป็นเสาหลักสุดท้ายของสังคม - หากปชช.หมดศรัทธา แผ่นดินจะเดือดดาล - รัฐบาล ต้องจริงใจนำคนทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย อย่างเท่าเทียม ก่อนที่นายธนาธร จะเปิดเวทีรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงความเห็นต่อกรณีที่นายวรยุทธ์ อยู่วิทยา จากการที่อัยการสั่งไม่ฟ้องทั้ง 5 คดี โดยนายธนาธร ระบุว่า แน่นอนว่าประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยในความสองมาตรฐานใน แง่หนึ่งเมื่อคนรวยคนมีอำนาจทำผิดกฎหมายไม่ต้องเข้าคุกในประเทศนี้ ขณะเดียวกันคนเล็กคนน้อยคนที่ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ทำผิดกฏหมายก็จะถูกติดคุกติดตาราง “ความยุติธรรมเป็นเสาหลักสุดท้ายของสังคมในภาวะที่พี่น้องประชาชนหมดศรัทธา กับสถาบันองค์กรการเมืองต่างๆ เมื่อพี่น้องประชาชนหมดศรัทธากับความยุติธรรม สังคมมันจะล่มสลาย ความยุติธรรมคือที่พักพิงสุดท้ายของประชาชน การเอากระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นตำรวจ อัยการ ศาล ราชทัณฑ์ หรือไม่ว่าจะเป็นองค์กรอิสระอย่าง กกต. ปปช. รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองในวันที่ประชาชนไร้สิ้นความหวัง หมดศรัทธากับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับความยุติธรรม แผ่นดินจะเดือดดาล ผมไม่อยากให้สังคมไปถึงจุดนั้น ดังนั้นเรื่องนี้ต้องกลับมาที่รัฐบาลว่า รัฐบาลจะกล้าจริงใจเอาคนผิดมาลงโทษหรือไม่ ซึ่งพลเอกประยุทธ์พูดเสมอว่า ขอให้ประชาชนทุกคนทำตามกฏหมาย คำถามคือรัฐบาลทำตามกฏหมาย เพื่อยื่นความเป็นธรรมให้กับคนทุกกลุ่มคนในประเทศไทยอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันหรือไม่ ซึ่งตนอยากฝากคำถามนี้ถึงรัฐบาลด้วยเช่นกัน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายธนาธร เดินทางพบปะพ่อค้าแม่ขายในตลาดหัวถนนปากเกร็ดเสร็จสิ้น ได้เดินทางมายังบริเวณหัวถนนปากเกร็ด เพื่อเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อพัฒนานโยบายในการลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นของนายไพบูลย์ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ และในช่วงบ่ายนายธนาธร จะนั่งเรือข้ามฟากไปยังเกาะเกร็ด และชุมชนท่าอิฐ เพื่อสำรวจในการพัฒนาจังหวัดนนทบุรีต่อไป