เตือนอีกครั้ง จุดอันตรายบนถนนสาย 304 ทางราบที่สุดลื่นในเวลาฝนตก ช่วงระหว่างฉะเชิงเทรา-เสม็ดเหนือ ที่ยังแผงฤทธิ์มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นให้เห็นอยู่บนเส้นทางเป็นประจำ แม้จะลดสถิติจำนวนครั้งความถี่ของการเกิดอุบัติเหตุลงมาบ้างแล้วก็ตาม หลังจากทางผู้รับผิดชอบได้พยายามเข้ามาปรับแก้หาทางไขปัญหา แต่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยังคงพบเห็นมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ
วันที่ 25 ก.ค.63 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับคลิปภาพจากชาวบ้านซึ่งมีบ้านเรือนพักอาศัยอยู่บริเวณริมถนนสาย 304 ช่วงตอน ฉะเชิงเทรา-เสม็ดเหนือ ซึ่งเป็นถนนส่วนสร้างขยายใหม่เพิ่งแล้วเสร็จมาได้ประมาณ 7-8 เดือน จาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร ระยะ 5.5 กม. จากบริเวณสี่แยกกองพลทหารราบที่ 11 อ.เมืองฉะเชิงเทรา ไปถึงยังบริเวณหน้าวัดหัวสวนในเขตพื้นที่ อ.บางคล้า
โดยเป็นอุบัติเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้นแบบสดๆ ร้อนๆ ในทันที จึงได้พยายามถ่ายคลิปภาพส่งมาให้แก่ทางผู้สื่อข่าว เพื่อเตือนภัยให้แก่ประชาชนผู้ที่กำลังใช้เส้นทางผ่านพื้นที่ ซึ่งเป็นช่วงของวันหยุดยาวนักขัตฤกษ์ ที่กำลังมีประชาชนใช้รถใช้ถนนอยู่บนเส้นทางสายดังกล่าวอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการเดินทางมุ่งหน้าไปยังกลุ่มจังหวัดทางภาคอีสานผ่านประตูทางออกของกรุงเทพฯ ด้านทิศตะวันออกในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา
ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กๆ ที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยเป็นเหตุเหตุการณ์ของรถยนต์กระบะที่ขับมาแล้วเสียหลัก รื่นตกถนนลงมายังในคูร่องกลาง ในขณะที่กำลังมีฝนตก จนทำให้ให้ตัวรถได้รับความเสียหาย ที่บริเวณหน้าปั้มน้ำมัน PT ด้านฝั่งขาออกมุ่งหน้ากบินทร์บุรี พื้นที่ ม.4 ต.เสม็ดใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
แต่ชาวบ้านต้องการส่งสัญญาณเตือน เพื่อบอกต่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนได้ใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุดในขณะจะขับรถผ่านบริเวณเส้นทางสายดังกล่าว เนื่องจากในช่วงระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ได้ทำให้มีรถขับผ่านมาประสบอุบัติเหตุในบริเวณนี้เป็นจำนวนมากนับร้อยครั้งแล้วทั้งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนหน้าการปรับขยายเส้นทางใหม่ จากเดิมเป็นถนนลาดยางมาเป็นถนนคอนกรีต
ขณะเดียวกันหลังจากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งบนเส้นทางในบริเวณดังกล่าว ทางแขวงการทางในพื้นที่และทาง จ.ฉะเชิงเทรา ได้พยายามที่จะร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาแล้ว ด้วยการติดตั้งป้ายสัญญาณเตือนให้ชะลอและควบคุมความเร็ว ติดตั้งเสาสัญญาณไฟกระพริบให้ระวัง วางกรวยยางและแท่งแบริเออร์ในบริเวณจุดเสี่ยง และปิดช่องทางเข้าร่วมทางออกคู่ขนาน ตลอดจนปรับปรุงผิวการจราจร จึงทำให้สถิติของการเกิดอุบัติเหตุทุเลาลงไปบ้าง แต่ก็ยังคงมีเกิดขึ้นให้ชาวบ้านได้เห็นอยู่เป็นระยะ