"บิ๊กตู่"ลั่นกลางเดือนส.ค.โผครม.เสร็จเรียบร้อย ไม่ตอบต่อสาย "สุเทพ"สลับกระทรวงจริงหรือไม่ ย้อนถามทำไมต้องอยากรู้ ยอมรับชื่อ "ปรีดี-ไพรินทร์"ยังไม่ยืนยันชัดเจน "บิ๊กป้อม" ตีหน้าเข้มโผครม.พลิก ถามกลับรู้ได้อย่างไร "สุเทพ"รับนายกฯยกหูหาขอแลก"ก.แรงงาน"ให้พปชร.แลก"อว." เปิดทาง"เสี่ยเฮ้ง"คุมแรงงาน ด้าน"สุทิน"แขวะนายกฯอย่าสับสน ต้องให้ชัดปรับครม.หวังแก้ปัญหาประเทศหรือแก้ปัญหาภายในพปชร. วอนอย่าเอาศึกภายในมาเป็นปัญหาประเทศ ส่วน"ยิ่งลักษณ์"ตั้งข้อสังเกตป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 2 คดีติด ถามกลับนายกฯโยกย้ายข้าราชการมากมายแต่ไม่ผิด ลั่นไม่อยากให้ความยุติธรรมเลือกข้าง ขณะที่"กลุ่มนวชีวิน"นัดม็อบรวมพล หน้าทำเนียบฯวันนี้ ยื่น 4 ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเยียวยาปากท้อง "นายกฯ" สั่งตรึงกำลัง-ตรวจเข้มรอบทำเนียบฯ สกัดกลุ่มเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ หลังม็อบนศ.ลามทั่วประเทศ ที่วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเวลา 12.40 น. วันที่ 23 ก.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2563 ถึงความคืบหน้าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์ ว่า "ชื่อที่โผล่มาจากหนังสือพิมพ์ สื่อหนังสือพิมพ์เป็นคนปรับ ครม.เหรอ ก็เป็นเรื่องของท่านจะเสนอใครมา ก็เสนอมา" ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้กำลังดำเนินการทางธุรกรรมในการตรวจสอบคุณสมบัติใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็กำลังทำอยู่ มันต้องหาคนเป็น มาจากที่ไหนอย่างไร ที่ไปที่มาอย่างไร แล้วถึงจะตรวจสอบคุณสมบัติ ตอนนี้ก็ต้องถามว่าเขารับหรือเปล่า ต้องทำให้เกิดความสมดุลทั้งสองอย่าง วันนี้ ทุกคนก็รู้ว่าตนก็ต้องดูทั้งการบริหาร และเรื่องการเมืองด้วยเรื่องพรรคการเมือง วันนี้ปัญหามีเยอะแต่ตนสู้ไหว เมื่อถามว่า ขณะนี้ชื่อของ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร และนายปรีดี ดาวฉาย ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประ ยุทธ์ กล่าวว่า เขายังไม่ยืนยันชัดเจน ก็ขอให้ทุกคนให้กำลังใจคนที่จะเข้ามาให้ร่วมมือกับรัฐบาล หากไปดักหน้าดักหลังใครจะกล้าเข้ามา ให้เขาเข้ามาพิสูจน์ฝีมือกันก่อน ใครเขาเข้ามาได้ ใครที่มีฝีมือก็ให้เขาเข้ามาทำงาน 6 เดือน หรือ 1 ปี ได้หรือไม่ ถ้าไม่ดีเดี๋ยวก็ปรับใหม่ก็ได้ ไม่ใช่ว่าจะปรับครั้งเดียวเสียเมื่อไหร่ เมื่อถามว่า สรุปแล้วจะปรับในตำแหน่งที่ว่างลงเพียงเท่านั้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า "ก็ต้องปรับตำแหน่งที่ว่าง และผมสามารถดูและปรับได้ ต้องดูในภาพรวม เอาน่าผมปรับมาหลายทีแล้ว" ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่าได้ต่อสายหา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ยอมแลกกระทรวงแรงงาน กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทำไมต้องอยากรู้ด้วย มันเป็นการบริหารของผม บางเรื่องมันก็พูดหรือคุยกันได้" เมื่อถามว่า ตอนนี้ประชาชนมอบความหวังไว้ที่นายกฯ ในการปรับ ครม.ชุดใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อประชาชนมอบความหวังไว้ที่ตน ตนก็มอบความหวังทุกคนด้วย หวังว่าเราจะได้ ครม.ที่ดีในวันหน้า ในเรื่องของการทำงานทุกคนต้องกระตือรือร้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองอย่างเดียวที่ต้องแก้ปัญหา ต้องนึกถึงคนเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย ในเรื่องการบริหารราชการก็เช่นกัน ยังมีเรื่องกฎหมาย การปรับกฎระเบียบและเรื่องอื่นๆ อีกจำนวนมาก ถ้าเชื่อมั่นในตัวนายกฯ ก็ขอให้เชื่อมั่นต่อไปจะทำให้ดีที่สุด "แต่ถามว่าจะถูกใจทุกคนหรือไม่ที่นั่งตรงนี้ก็คงไม่ได้" เมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ตอนนี้หลายคนอยากให้มีความชัดเจน เพราะนักการเมืองจะได้เลิกวิ่งเพื่อตำแหน่ง นายกฯ ย้อนถามว่า "วิ่งกะใคร ถ้าเป็นเรื่องของพรรคก็เป็นเรื่องภายในพรรคเขา ก็เสนอมา แต่ในส่วนของรัฐบาลเราก็รับฟัง เพราะเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ซึ่งนายกฯ ก็ต้องดูในส่วนนี้ด้วย วันนี้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ก็ต้องดูว่ากลไกเขาว่าอย่างไร ดังนั้น ถ้าทุกคนคิดว่าเหมาะสมก็เข้ามาเป็นรัฐมนตรีพิสูจน์ฝีมือกันมาก็เท่านั้นเอง" ผู้สื่อข่าวถามว่า โผ ครม.ใหม่จะเรียบร้อยทุกอย่างเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เสร็จกลางเดือนหน้านี่แหละ" เมื่อถามว่า จะเสร็จก่อนกลางเดือนสิงหาคมได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เร็วกว่านี้คงไม่ได้" เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สรุปแล้ว นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ จะได้เก้าอี้รัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ขณะที่ นางนฤมล ซึ่งเดินตามหลัง พล.อ.ประยุทธ์ ได้แต่ยิ้มอย่างเจื่อนๆ ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวถึงกรณีโผรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่ปรากฏออกมา ไม่เป็นไปตามมติในที่ประชุมของพรรคพปชร.เสนอจะทำความเข้าใจกับแกนนำพรรคอย่างไร ว่า "รู้ได้อย่างไร" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ได้โทรศัพท์มาเจรจาขอแลกโควตาตำแหน่ง รมว.แรงงาน มาเป็นของพรรคพปชร. โดยให้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ไปเป็น รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม(อว.) ซึ่งตนได้กล่าวกับนายกฯว่า พรรครปช.ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลืองานนายกฯให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ดังนั้นขึ้นอยู่กับนายกฯ ทั้งมี มีรายงานว่า ถ้าโผครม.เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับนายสุเทพ นั่นหมายความว่า นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ จะมานั่งในตำแหน่ง รมว.การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขณะที่ นายสุชาติ ชมกลิ่ม จะมานั่งรมว.แรงงาน ตามที่พรรคพปชร.เสนอชื่อ ที่ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ และน.ส.จุฑาทัต เหล่าธรรมทัศ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครปช. ได้เดินทางมายื่นประวัติของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ กรรมการบริหารพรรครปช.ในโควตาของพรรคแทน ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตรมว.แรงงาน ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะเป็นตำแหน่งรมว. การอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เนื่องจากนายสุเทพออกมาระบุให้นายกฯ เป็นผู้ตัดสินใจ โดย นายเขตรัฐ กล่าวว่า มายื่นแบบแสดงประวัติ และแบบแสดงคุณสมบัติ ผู้ได้รับการเสนอชื่อแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี เพื่อประกอบพระบรมราชวินิจฉัย ส่วนจะเป็นกระทรวงใดให้อยู่ที่การตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะพรรครปช.เป็นพรรคของคนทำงาน เป็นมืออาชีพ ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ที่จะทำให้นายกฯปวดหัวมากขึ้น ส่วน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ยังไม่จบ ยังสับสนอยู่ว่าใครจะไปนั่งตำแหน่งตรงไหนอย่างไร และแม้ยังไม่จบ แต่มีหลักคิดว่า การปรับครม.ครั้งนี้ ปรับเพื่อแก้ปัญหาภายในพรรค หรือปรับ เพื่อแก้ปัญหาประเทศ และสิ่งที่ต้องระวังที่สุด อย่าเอาปัญหาของพรรคมาเป็นปัญหาของประเทศ เพราะถ้าเอาปัญหาของพรรคมาเป็นปัญหาของประเทศ ประชาชนก็จะเสียโอกาส หากปรับแล้วแย่ลง ที่สุดแล้วพรรคเองก็จะอยู่ไม่ได้ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เปิดเผยข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ได้เห็นข่าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด เรื่องดำเนินการจัดนิทรรศการ การสัมมนา และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับ โครงการ Roadshow สร้างอนาคตไทย Thailand 2020 วงเงิน 240 ล้านบาท โดยมิชอบ ทำให้เกิดความสงสัยและขอตั้งข้อสังเกตกับ ป.ป.ช.ว่า"มีความขยันในการเร่งรัดคดีของตนฝ่ายเดียว เพราะเดือนนี้เดือนเดียว ป.ป.ช.ก็มีการชี้มูลความผิดตนถึง 2 คดีติดๆกัน ผิดกับคดีที่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันถูกร้องและขอให้ตรวจสอบ ทุกวันนี้ดิฉันใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ ในต่างประเทศอย่างปุถุชนคนทั่วไป แต่ยังต้องมาถูกกล่าวหาในทางอาญา 2 เรื่องติด เพื่อให้มีการพิจารณาคดีลับหลัง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองในวันนี้ ช่างสอด คล้องหรือเหมือนกับความโชคร้ายในชีวิตของดิฉันที่โหยหาความยุติธรรมว่าเมื่อไหร่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองอันเป็น ที่รักของดิฉันเช่นกันเสียที ดิฉัน ไม่อยากให้ความยุติธรรม ต้องเลือกข้าง ความยุติธรรม ต้องไม่เหลื่อมล้ำ ถ้าเป็นนักการเมืองหรืออดีตนักการเมืองฝ่ายหนึ่ง ทำอะไรก็ผิดเสมอ แต่อีกฝ่าย ทำอะไรไม่ผิดเลย ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรมเสียแล้ว ไม่วันใดก็วันหนึ่งความศรัทธา ความเชื่อมั่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. อาจหมดสิ้นไป" ส่วนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบฯ นายศุภโชติ กระต่ายป้อง ฝ่ายประสานงานแนวร่วมนวชีวิน และ คณะเดินทางมายื่นหนังสือ ขอให้ดำเนินมาตรการเยียวยาปากท้อง เพื่อนร่วมชาติถ้วนหน้าทันที ต่อนายกฯ หลังเกิดวิกฤตโรคระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจในภาพรวมต่อปากท้องของพี่น้องประชาชนคนไทยอย่างเป็นวงกว้าง จึงมีข้อเสนอ ดังนี้ 1.ขยายให้เงินเยียวยาเดือนละ 5,000 ครอบคลุมคนทุกระดับ 2.ประกันการว่างงาน และมีเงินเดือนรองรับการว่างงาน ของผู้จบการศึกษา แต่ยังไม่มีงานรองรับ หากว่างงาน รัฐต้องประกันเงินเดือนสำหรับผู้ว่างงานตามค่าแรงขั้นต่ำ 80 เปอร์เซ็นต์ 3.รัฐต้องลดค่าบำรุงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าขนส่งสาธารณะลง 50 เปอร์เซ็นต์ 4. มีมาตรการรายได้พืชผลการเกษตร และการโยกย้ายแรงงานภาคการเกษตรที่ว่างงานไปสู่งานใหม่ โดยมีสวัสดิการประกันการว่างงานรองรับตามข้อ 2.นอกจากนี้วันที่ 24 ก.ค.เวลา 11.20 น. แนวร่วมนวชีวินกับกลุ่มภาคีศาลายา จะจัดแฟลชม็อบหน้าทำเนียบฯ ด้าน พ.ต.อ.วัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจ สันติบาล 3 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ทำเนียบฯ เปิดเผยถึงกรณีการเคลื่อนไหวของนิสิตและนักศึกษา จัดการชุมนุมเรียกร้องรัฐบาลยุบสภาตลอดทั้งสัปดาห์ และล่าสุดมีการเชิญชวนให้ชุมนุมในกรุงเทพฯ เพื่อขับไล่รัฐบาลในช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค. ว่า ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล และประสานกำลังจากสถานีตำรวจนครบาลในพื้นที่ เสริมกำลังตรวจตรา และ ลาดตระเวนบริเวณโดยรอบ เพื่อป้องกันเหตุไม่ปกติ กรณีมีการชุมนุมของกลุ่มนิสิตนักศึกษาในวันที่ 24 ก.ค. โดยจะเฝ้าระวังไม่ให้มีการบุกรุกเข้ามาในสถานที่ราชการ แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีรายงานข่าวความเคลื่อนไหว ว่าจะมีกลุ่มใดเข้ามาชุมนุมในบริเวณใกล้เคียง ทั้งนี้ นายกฯ ไม่ได้มีการกำชับหรือสั่งการอะไรเป็นพิเศษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่มีการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาเกิดขึ้น นายกฯ ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง ดูแลความเรียบร้อย โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาลไม่ให้กลุ่มเคลื่อนไหว ได้ดำเนินการทำสัญลักษณ์ใดโดยรอบทำเนียบฯ อย่างเด็ดขาด