สถานการณ์ทางการเมืองร้อนฉ่า ภายหลัง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. ยอมให้มีการยกเว้นการใช้อำนาจตาม มาตรา 9 ของพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน จนถึง 31 ส.ค. 2563 ทั้งๆที่ กลุ่มนักศึกษาในนามเยาวชนปลดแอก Free Youth ที่ถูกมองว่า มีกลุ่มการเมือง สนับสนุนกำลังเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง และรุกรบ แต่กลับจะไม่ห้ามการชุมนุมทางการเมือง จะไม่ใช้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการเอาผิดการชุมนุมทางการเมือง โดยให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.การชุมนุม และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อในการเอาผิดแทน ทั้งนี้ เพื่อต้องการสยบเสียงวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลโดยศบค. อ้างโควิด ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อหวังผลทางการเมือง เพราะก่อนหน้านี้จะเห็นว่า แม้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ก็ยังมีการชุมนุมเกิดขึ้น โดยเฉพาะ โดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 18 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา ที่แกนนำการชุมนุมระบุคำนวณโดยแอพพลิเคชั่นว่า มีผู้มาชุมนุม เกือบ 4 พันคน และการชุมนุมที่หน้า กองทัพบก เมื่อ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความไม่พอใจ ต่อการโพสต์แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ค ส่วนตัวของ “ผู้พันเจี๊ยบ” พ.อ.หญิงนุสรา วรภัทราทร อดีตรองโฆษก ทบ. ที่เรียกม็อบว่า ม็อบมุ้งมิ้ง แต่ทว่า ก็มีการเอาผิด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อแกนนำ จนทำให้ เกิดกระแสการต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในสายตาต่างชาติ ที่แม้จะชื่นชม มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ของโควิดได้ดี แต่ทว่า ก็ส่งผลต่อภาพลักษณ์ในทางการเมือง คราวนี้ แม้ขยายเวลาการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ให้ยกเลิก การห้ามการชุมนุม ทั้งๆที่ ในการประชุม ศบค. เมื่อ 30 มิ.ย. 2563 นั้น แม้ฝ่ายความมั่นคงได้เสนอให้ยกเลิกการห้ามการชุมนุม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่รับข้อเสนอนี้ โดยระบุว่าให้คงเอาไว้ก่อนแต่ไม่จำเป็นต้องใช้ แต่คราวนี้ ม็อบกำลังกรุ่นๆ อยู่เลย พล.อ.ประยุทธ์ ก็กลับปล่อยผี จะเห็นได้ว่า การชุมนุมของ กลุ่มเยาวชนปลดแอก และแฟลชม็อบ ที่เชียงใหม่มีการก้าวล่วงสถาบันฯ แบบไม่อ้อมค้อม ทั้งจากป้ายข้อความ และ การปราศรัยของแกนนำ และมีแผนในการชุมนุม ม็อบดาวกระจาย ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่รอ คำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ ต่อข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ในห้วงเวลา 2 สัปดาห์ ถึงขั้นที่ พล.อ.ประยุทธ์ เองต้องออกมาเตือน ให้ระมัดระวังการละเมิดก้าวล่วง “ผมคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมนักหรอก ที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ไม่สมควรจะเกิดสำหรับประเทศไทยของเรา ผมจะไม่พูดมากในเรื่องเหล่านี้ แต่เป็นห่วงกังวลการเคลื่อนไหวต่างๆ ผมได้สั่งการอย่างเดียวว่า ขอให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ซึ่งเห็นใจเด็กๆ เยาวชน นิสิต นักศึกษา และเป็นห่วงแทนผู้ปกครองด้วย” ส่วนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ทั้ง ยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ และไม่คุกคามนั่น นายกฯให้ไปเสนอผ่านทางสภา ความเคลื่อนไหว ทางการเมืองที่มีการล่วงละเมิด สถาบันฯ นี้ กลายเป็นประเด็นที่ ฝ่ายความมั่นคง และกองทัพ กำลังประเมิน กลเกมของ กลุ่มม็อบ และผู้อยู่เบื้องหลัง และประเมินว่า จะมีโอกาสที่เรียกว่า “จุดติด” หรือไม่ เพราะหากไม่มีการเพิ่มเติมเงื่อนไข ก็ยังไม่มีปัจจัยกระตุ้น ในการชุมนุม แต่เป็นการเริ่มต้น ที่จะมีภาคต่อตามมา อีกทั้งการที่พล.อ.ประยุทธ์ได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ไม่เอาผิดตามมาตรา 112 ก็ยิ่งเป็นการเปิดช่องให้การชุมนุมมีการล่วงละเมิดสถาบันฯกันอย่างเปิดเผย ถึงขั้นที่ “บิ๊กแดง” พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. เกือบที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ ในประเด็นที่ม็อบก้าวล่วงสถาบันฯ โดยแจ้งว่า จะแถลงข่าว เมื่อวันจันทร์แต่ก็แจ้งยกเลิกไป หลังจากถูกสะกิด “ให้อยู่นิ่งๆ” เพราะหากยิ่งพูด ยิ่งจะเป็นการปลุกม็อบ หรือเพิ่มประเด็นความเคลื่อนไหวให้ ม็อบ ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะตามสไตล์ พล.อ.อภิรัชต์ แล้ว ถ้าลองได้เปิดปากพูดแล้ว จะไม่มียั้ง ก็จะยิ่งเป็นการราดน้ำมันไปบนกองเพลิง อีกทั้งตัว พล.อ.อภิรัชต์ ก็เป็นเป้าทางการเมือง อยู่แล้ว โดยเฉพาะในระยะหลังๆ โดนปล่อยข่าว ทั้งการต่ออายุราชการทั้ง บิดเบือนว่า ผบ.ทบ.สหรัฐฯ มาเยือนไทย ไม่ยอมตรวจโควิด ไม่ยอมกักตัว จนมาถึง ปมทหารอียิปต์ ที่ปล่อยข่าวว่า เป็นแขกกองทัพบก บิ๊กแดง เป็นคนอนุมัติให้เข้ามา รวมทั้งการปล่อยข่าวต้าน การกักตัวของ 151 ทหารไทย ที่กลับจากการฝึกที่ฮาวาย สหรัฐอเมริกาว่า จะไปกักตัวที่โคราช และ สวนสนประดิพัทธ์ ที่ทำให้ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ ออกมาต่อต้าน จน ทบ.ต้องแถลงข่าวยืนยันว่า ใช้ State Quarantineที่ แอมบาสซาเดอร์ จอมเทียน พัทยา ชลบุรี แต่ทว่า พล.อ.อภิรัชต์ ยังคงจับตาความเคลื่อนไหวในการก้าวล่วงสถาบันฯ ต่อไปด้วยความไม่สบายใจ อย่าลืมว่า พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย และมีทั้ง จุดยืน และหน้าที่ในการปกป้องสถาบันฯ แต่พล.อ.อภิรัชต์ ก็เหลือเวลาแค่อีกราว 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาทางการเมือง คงไม่จบลงง่ายๆ รวมทั้งความเคลื่อนไหวก็จะยิ่งเข้มข้น และหนักข้อ มากขึ้น ดังนั้นจึงมีการมองข้ามช็อตไปถึง “ผบ.ทบ.คนใหม่” ที่จะมาแทน พล.อ.อภิรัชต์ ว่าจะรับมือกับสถานการณ์ และเคียงข้างรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไหวหรือไม่ จึงมีการจับจ้องไปที่ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผช.ผบ.ทบ. ที่กำลังจะขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ วันที่ 30 ก.ย.นี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เป็นนายทหารที่มีความจงรักภักดี และมีจุดยืนในการปกป้องสถาบันฯ อย่างแน่วแน่ หากแต่เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด และ วางตัว เงียบๆนิ่งๆ ไม่ออกแอคชั่น ในทางการเมืองแบบ พล.อ.อภิรัชต์ แต่มีความเด็ดขาดในตัว จึงคาดกันว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะดูแล กองทัพบก ดูแลสถานการณ์และเป็นกองหนุน ประคับประคองรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ให้ไปตลอดรอดฝั่งได้ เพราะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็เติบโตมาในสายกำลังรบในสายคอมแมนด์ ผ่านทั้งการเป็น ผู้บังคับกองพันผู้บังคับการกรม เติบโตมาใน ร.31 รอ. หน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF จน เป็น ผบ.พล.1 รอ. และ แม่ทัพภาค1 อีกไม่นาน คงได้วัดฝีมือ “บิ๊กบี้” แต่ใน 2 เดือนนี้ ดูบทบาท และการทิ้งทวนของ พล.อ.อภิรัชต์ ไปก่อน !