ดนตรี / วรรณากร ทองเสริม
สำหรับนักฟังเพลง ชื่อของ เฮลี่ สไตน์เฟลด์ อาจไม่ใช่ที่คุ้นเคยนักในฐานะศิลปินหญิง แต่ถ้าเป็นนักดูหนังก็คงจะจำเธอได้จากผลงานหลายเรื่อง เช่น Ender's Game, Pitch Perfect 2 & 3, the Edge of Seventeen และ Bumblebeeหรือถ้ามองย้อนไปไกลกว่า บนเวทีประกาศผลรางวัลออสการ์ปี 2554 เธอคือนักแสดงหญิงที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงจากเรื่อง True Grit
ขณะที่เธอรับบท “แมตตี้ รอสส์” เด็กหญิงหน้าตาขึงขังมุ่งมั่นในหนังเรื่องนั้น เฮลี่ สไตน์เฟลด์ อายุแค่ 13 ปี
หกปีต่อมา ตอนอายุสิบเก้า เฮลี่ มีผลงานเพลงแบบอีพีออกมา 1 ชุด เป็นอัลบั้มเปิดตัวที่เธอตั้งชื่อว่า Haiz มีเพลงฮิต 2 เพลงจากทั้งหมด 4 เพลงในอัลบั้มคือ “Love Myself” และ “Rock Bottom”
เฮลี่ เริ่มคบหาดูใจกับ ไนออล ฮอร์แรน นักร้องหนุ่มชาวไอริช อดีตสมาชิกวง วัน ไดเร็คชั่น ราว 2-3 ปีก่อน และเลิกราจากกันเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีผลงานเพลงที่ได้แรงบันดาลใจความสัมพันธ์รักร้างของพวกเขา ไนออล แต่งออกมาเป็นเพลงลงในอัลบั้มใหม่ ส่วน เฮลี่ ทำออกมาเป็นมินิอัลบั้มเล่าเรื่องกันเลย
Half Written Story คือชื่ออัลบั้มอีพีชุดล่าสุดของเธอ มีทั้งหมด 5 เพลง ยึดแนวป๊อป-อาร์แอนด์บีเป็นหลัก เนื้อหาในแต่ละเพลงคือความในใจของสาวน้อยคนนี้ที่มีต่ออดีตคนรักและความรักครั้งล่าสุด
“I Love You's” คือเพลงที่เด่นที่สุด เธอนำเพลงเก่าของวง เดอะ เลิฟเวอร์ สปีคส์ “No More I Love You's” ซึ่งเราอาจจะคุ้นเคยกับเวอร์ชันปี 2538 ของ แอนนี เลนนิกซ์ มากกว่า มาดัดแปลงและผสมผสานเข้ากับเนื้อเพลงใหม่ กลายเป็นเพลงที่สดใหม่และกลายเป็นเพลงยอดนิยมไปโดยไม่ยากเย็นนัก อีกเพลงหนึ่งที่เธอใช้แซมปลิงจากเพลงเก่าคือ “End This (L.O.V.E)” เสียงร้องของเธอที่ลอยอยู่เหนือดนตรีนิดๆ โดยมีเสียงฮัมของ แนท คิง โคล จากเพลง “L-O-V-E” แว่วมาจากพื้นหลัง ทำให้เพลงมีเสน่ห์แบบแปลกหู
น่าคิดว่าชื่อผลงาน Half Written Story มีความหมายอย่างไร เป็นเรื่องราวที่เขียนไว้เพียงครึ่งเดียวแบบไหน แบบที่เขียนมาจากมุมมองของฝั่งเดียว (คือฝั่งของเธอเอง) หรือแบบที่ยังเขียนไม่จบ
ถ้าหากเป็นอย่างหลัง ก็หวังว่า เฮลี่ จะกลับมาเติมให้กลายเป็นอัลบั้มเต็มที่สมบูรณ์แบบ เชื่อว่าจะน่าสนใจยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน