เพจเฟซบุ๊ก Peace News โพสต์ข้อความ ระบุว่า... “ตู่”ฉุนถูกเขียนแดกดันเกินจริงเสียหาย ยัวะเอาแต่ด่าคนอื่นย้ายข้างคุณก็ย้ายขั้ว . “ตู่”เปิดวิวาทะเฉ่ง“ใบตองแห้ง” เขียนสองแง่สามง่าม ทำคนเข้าใจผิด เกิดความเสียหาย ยก 14 ตุลา 16 มีภูมิต้านทานแข็งแรงจากอะไร ถามทำไมแตกต่างกับ 6 ตุลา 19 ถูกปลุกความเกลียดชังมาล้อมปราบนักศึกษา เฉ่งอย่าดีแต่ปาก เอาแต่เขียนยุยงคนไปตาย แน่จริงออกมานำขบวนร่วมเป็นร่วมตายกันเลย . เมื่อ 22 ก.ค. 2563 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊คไลฟ์ PEACETALK ตอบโต้อย่างมีอารมณ์ไม่พอใจต่อ “ใบตองแห้ง” คอลัมนิสต์และสื่อมวลชนอาวุโสที่วิจารณ์กรณีการชุมนุมของนักศึกษาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 18 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า “ใครๆก็ขู่ ก็ปรามนักเรียน นักศึกษา ไม่ว่า ตู่-ประยุทธ์ หรือ ตู่-จตุพร” . นายจตุพร กล่าวว่า การวิวาทะกับใบตองแห้ง เป็นหัวข้อที่ไม่อยากจะพูด แต่ต้องพูด เพราะกลัวเกิดความเข้าใจผิด และสร้างความเสียหาย จึงไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น . พร้อมระบุว่า ใบตองแห้ง เป็นนามปากกาสื่อมวลชนอาวุโสคนหนึ่งได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวพาดพิงถึงตนอย่างเกินเลยไป โดยระบุพาดหัวว่า ใครๆก็ขู่ก็ปรามนักเรียน นักศึกษา ไม่ว่า ตู่-ประยุทธ์ หรือ ตู่-จตุพร . นายจตุพร โต้แย้งอย่างดุเดือดว่า เป็นการดูแคลนตนที่สุด ทั้งที่มีวิถีชีวิตแตกต่างกัน อีกทั้งใบตองแห้งเป็นคนย้ายขั้วสลับข้างมาจำไม่ได้หรือ และคุณเป็นคนหนึ่งที่วิพากษ์วิจารณ์อดีตนายกทักษิณ ชินวัตร หนักที่สุดในช่วงที่คุณเป็นหัวหน้าข่าวการเมืองยุคสยามโพสต์แล้วมาเป็นไทยโพสต์ แล้ววันหนึ่งคุณมานั่งจัดรายการในช่องวอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นหมู่มิตรกัน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง ตนไม่มีวันจะพูด . พร้อมกล่าวว่า คุณ (ใบตองแห้ง) ฟังความไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด หรือโดยพฤติกรรมการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ต้องรับผิดชอบในสมรภูมินั้น แต่สร้างความเข้าใจผิด คุณก็รู้ทั้งรู้ว่ามันมีอยู่สองปรากฎการณ์ คือ ปรากฎการณ์แรกคือประกาศ 3 ข้อเรียกร้องให้ยุบสภา เลิกคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ . แต่ปรากฎการณ์ที่บอกว่า ด้านที่เป็นนามธรรมระหว่างบรรทัด อยู่ที่ข้อความเชิงสัญลักษณ์ต่างๆ คนเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงไม่ต้องนัดหมายด้านหลังต่างหากที่ร้อนแรง ทำให้เครือข่ายอำนาจตื่นตระหนก . นายจตุพร กล่าวว่า ใบตองแห้งน่าจะรู้เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ดีที่สุดคนหนึ่ง จำไม่ได้หรือ อยู่มาจนหัวหาผมดำแทบไม่ได้ ที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้เพราะผ่านความตายมา 2 เหตุการณ์คือ พฤษภา 2535 และเมษา-พฤษภา 2553 อีกทั้งเป็นคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ คุณจำไม่ได้หรือนักศึกษาเดินออกสนามฟุตบอล ลานโพธิ์ ธรรมศาสตร์ ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ที่เขามีภูมิต้านทานอย่างแข็งแรงเพราะเดินถือพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า และธงชาติไทย . "คน 14 ตุลา จะมาปฏิเสธเรื่องนี้หรือ นั่นจึงมีภูมิต้านทาน ที่สำคัญมีปรากฎการณ์มากมาย ที่รัชกาลที่ 9 ให้นิสิต นักศึกษาไปหลบภัยในสวนจิตลดา ประวัติศาสตร์บันทึกไว้อย่างชัดเจน และยังมีการพระราชทานเพลิงศพวีรชน 71 กว่าชีวิตที่ท้องสนามหลวง และคุณไม่ดูปรากฎการณ์ 6 ตุลาคม 2519 หรือ ซึ่งคุณน่าจะมีความเข้าใจมากที่สุด ว่าระยะเวลาจาก 14 ตุลา 16 ถึง 6 ตุลา 19 ขาดไป 8 วันครบ 4 ปีมันเกิดอะไรขึ้น" . นายจตุพร ถามว่า ทำไมขบวนการนักศึกษาที่เป็นฮีโร่ใน 14 ตุลา 2516 จึงถูกล้อมปราบอย่างบ้าคลั่งที่สุดใน 6 ตุลา 2519 นั่นเป็นเพราะอีกซีกหนึ่งที่ต้องการยึดอำนาจคืนมานั้น เขาแยกนิสิต นักศึกษาออกจากสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกจากประชาชน ออกจากนักเรียนอาชีวะ . เหตุการณ์การเดินทางกลับของเผด็จการทรราช มีช่างไฟฟ้าติดโปสเตอร์ต่อต้านถูกจับแขวนคอตายที่นครปฐม มีการแสดงละครล้อเลียนการแขวนคอ แต่มีการนำภาพไปแต่งให้เหมือนองค์รัชทายาท แล้วใช้สถานีวิทยุยานเกราะปลุกกลุ่มต่างๆ นวพล กระทิงแดง กลุ่มแม่บ้าน มาชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งข่าวที่ปลุกกันคือ พวกชุมนุมที่ธรรมศาสตร์เป็นพวกล้มสถาบัน เป็นคอมมิวนิสต์ . การล้อมปราบ ปิดล้อมฆ่าตายกว่า 40 ชีวิต เกิดจากอะไร มีการลากนักศึกษาไปเผา เอาเก้าอี้ฟาดใต้ต้นมะขาม จับไปแขวนคอห้อยโตงเตงปรบมือไชโยโห่ร้อง ภาพความปลุกความเกลียดชังอย่างนั้น นำพาสู่ความพินาศย่อยยับ อยู่ในเมืองไม่ได้ไปจับปืนกับพรรคคอมมิวนิสต์จนตายเป็นเบือ กระทั่งมี นโยบาย 66/23 . นายจตุพร กล่าวว่า เหตุการณ์พฤษภา 2535 เช่นเดียวกัน ขณะที่ทัพราชดำเนินแตก ตนมานำทัพต่อที่รามคำแหง แล้วพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นำ พล.อ.สุจินดา คราประยูร กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เข้าเฝ้ารัชกาลที่ 9 เมื่อทรงหย่าศึกเพื่อให้บ้านเมืองสงบ และทัพที่รามคำแหงทำอย่างอื่นไม่ได้ต้องยุติการชุมนุมด้วย . "ปรากฎการณ์สองเหตุการณ์นี้คุณยังไม่มีความเข้าใจอะไรอีกหรือ การนั่งเขียนลักษณะให้ท้ายเชียร์ให้คนไปตาย ประวัติศาสตร์ไม่ได้สอนอะไรคุณเลยหรือ แล้วคุณมาแดกดันอะไรผม ผมพูดชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า คนเวลาสู้ไม่มีใครกลัวตาย เหตุการณ์ 14 ตุลาตาย 71 ศพ 6 ตุลาตาย 40 ศพ แล้วไปตายที่ป่าเขาจำนวนมาก ผมคนพฤษภาถ้ากลัวตายผมจะชุมนุมหรือ ทั้งที่ทัพราชดำเนินแตก ผมยังสู้ที่รามคำแหง ทั้งที่รู้ว่าตายมากกว่ารอด ที่ต้องพูดกันคือ ถ้าไม่มีการพูดความจริงกัน เราต่างก็รู้ว่าผลลัพธ์คืออะไร ถ้าคุณต้องการจริงอย่ายุ ลงมาเลย อย่าดีแต่ปาก อย่าดีแต่เขียนยุยง" . นายจตุพร กล่าวว่า ตนได้อธิบายความชัดเจนว่า ถ้าขบวนการนักเรียน นักศึกษา ยืนตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ ยุบสภา เลิกคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีความชอบธรรม แต่ถ้าก้าวล่วงสถาบันความชอบธรรมจะสิ้นสุด แต่นี่ใบตองแห้งกลับไปเขียนแดกดันตน คุณไม่รู้ปลายทางหรือ แน่จริงคุณมาร่วม มานำเลย . "คุณก็รู้ประวัติศาสตร์ วิจารณ์คนย้ายขั้ว ย้ายข้าง คุณก็ย้ายข้าง มีอะไรดีกว่าคนอื่นเขาละ ผมยังยืนของผมอยู่ที่เดิม เพียงแต่ผมเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจวัยคนหนุ่มคนสาว เพราะเราผ่านอันนี้มาก่อน และไม่เคยยืนลับหลังใคร หรือคอยยุยงส่งเสริมให้คนไปตาย แต่ตัวเองมีสิทธิ์ตายเท่ากับคนอื่นทุกครั้งในเหตุการณ์ที่รับผิดชอบ" . นายจตุพร ยกข้อความที่ใบตองแห้งเขียนถึงว่า ใครก็ขู่ ก็ปรามนักศึกษา ไม่ว่าตู่-ประยุทธ์ หรือ ตู่-จตุพร แล้วตอบโต้ด้วยอารมณ์ฉุนว่า เป็นการเขียนที่ใช้ไม่ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย คุณเอากับผมถึงขนาดนี้หรือ แน่จริงจัดเวทีที่ไหนก็ได้ มาวิวาทะกันดูสักรอบ อย่างดูน้ำหน้าคุณเหมือนกัน . ตนบอกมาแต่ต้นแล้วว่า คนเมื่อลุกขึ้นสู้ไม่มีกลัวตายกัน แต่สิ่งสำคัญคือ อะไรจะเกิดขึ้น ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร เราผ่านกันมาแล้วทั้งนั้น แต่นี่รู้ทั้งรู้กลับเขียนอย่างภาคภูมิใจ คิดว่าคนในบ้านเมืองกินแกลบกินรำกันหรืออย่างไร . "คุณก็รู้นี่ว่า เชิงนามธรรมที่คุณพูดนะมีพลังร้อนแรง ทำให้เครือข่ายอำนาจตื่นตระหนก คุณไม่เห็นหรือประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ผมอยากจะบอกว่า วันนี้ถ้าไม่พูดความจริงกัน ต้องการเออออห่อหมกโดยไม่ต้องรับผิดชอบ มันมาก และคนพันธุ์แบบนี้เส็งเคร็งที่สุด" . นายจตุพร กล่าวว่า ถูกใบตองแห้งกล่าวหาจนเกินเหตุ เพราะสิ่งที่ตนพูดนั้น ผ่านกันมาและยืนหัวแถวในขบวนการต่อสู้ในเหตุการณ์นั้น จึงรู้ว่าแต่ละเหตุการณ์มันคืออะไร อีกทั้งบอกกันชัดเจนว่า ประเทศใดถ้าคนหนุ่มสาวไม่ออกมาต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง เพื่อระบอบประชาธิปไตยแล้ว ชาตินั้นจะเป็นชาติที่มีความสิ้นหวังไร้อนาคต . นอกจากนี้ ย้ำว่า ตนยังเห็นว่า 3 ข้อเรียกร้องนั้น รัฐบาลต้องทอดไมตรีไปรับฟัง เพราะเป็นสิ่งที่สังคมรับกันได้ แม้ถ้ายุบสภาก่อนก็ใช้รัฐธรรมนูญเดิม ปัญหาก็ไม่จบ แต่เมื่อฝ่ายค้านเห็นชอบ พรรคร่วมบางพรรคเอาด้วยแล้ว ดังนั้น ต้องประกาศไทม์ไลน์ให้ชัดเจนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยตามที่ใจปรารถนากันทุกฝ่าย บ้านเมืองจะได้เดินต่อไปข้างหน้า . "แต่การพูดสองแง่สามง่าม คุณรู้เหตุการณ์ดีที่สุดว่า 14 ตุลาชนะด้วยอะไร 6 ตุลาถูกล้อมปราบด้วยอะไร ผมไม่ได้บอกให้ใครกลัวสักคน และที่เรียกร้องใช้แนวทางสันติวิธีพูดคุยกัน เพราะเป็นสิ่งสามารถพูดคุยกันได้ คุณต้องการให้เกิดอะไรขึ้น ผมอยากถาม และพอเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา น้ำหน้าอย่างคุณจะแสดงความรับผิดชอบอะไร ผมต้องพูดกันแรงอย่างนี้ เพราะจะมีพวกประเภทเสนอหน้าแบบนี้อีก" . นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้เราเดินมาถึงประเทศวิกฤตที่สุด เพราะปัญหาหาจากโควิด-19 ทำลายเศรษฐกิจ สังคม การเมืองพินาศย่อยยับ ดังนั้น ข้อเรียกร้องใดเป็นทางออกให้บ้านเมืองเดินไปด้วยความผาสุข แต่คุณก็รู้ปัญหา จึงบอกว่าเป็นด้านเปิดหรือด้านนั้นจะกลายเป็นจุดแข็ง แต่ตนแย้งว่าจะเป็นจุดอ่อนที่สุด . ดังนั้น สิ่งที่สำคัญคือ ต้องพูดความจริงว่า เราต้องการอะไร ถ้าต้องการให้คนอื่นเป็นในสิ่งที่ตัวเองเป็นก็ต้องมายืนแถวหน้า และประกาศข้าพเจ้าร่วมรับผิดชอบ ร่วมเป็นร่วมตายกับนิสิต นักศึกษาที่เขาชุมนุมกัน . อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนพูดนั้น พยายามเตือนทุกฝ่าย บอกรัฐบาลและผู้ชุมนุมต้องมีความอดทน เพราะเห็นเส้นแบ่งบางๆ และปรากฎการณ์ที่เห็นชุลมุนในเหตุการณ์นั้น เพราะไม่ได้วางแผนการบริหารจัดการกันมาก่อน ซึ่งจะกลายเป็นชนวนสำคัญ และอีกอย่างหนึ่งต้องยอมรับความจริงกันว่า ถ้าสุดโต่งไป อีกฝ่ายก็มีสุดโต่งกันทั้งนั้น แล้วถามว่า เกิดอะไรขึ้น" . นายจตุพร ย้ำถามใบตองแห้งว่า สมัย 14 ตุลา 2516 เกิดปรากฎการณ์อะไร ทำไมนิสิต นักศึกษา กรรมกร ชาวนา ประชาชน มีภูมิต้านทาน แต่คุณยุยง สนับสนุนแล้วมาเหยียบย้ำตน โดยไม่อธิบายความเลย . ดังนั้น เราต้องพูดในบริบทที่เข้าใจ เพราะตัวเองอยู่ในสนามเห็นคนตายคามือ และบอกทุกครั้งว่า การที่ผู้นำรอดมันไม่ได้เป็นความสุข มันเป็นตราบาปตลอดชีวิตเหมือนกัน ตนผ่านมาหมดแล้วในชีวิต เหลือแต่ความตายอย่างเดียว ไม่สนใจเสียงสรรเสริญเยินยอ ไม่สนใจความประณามหยามเหยียด แต่ต้องตอบโต้เพราะเดี๋ยวจะมีคนเอาอย่าง