ไทยพบผู้ติดเชื้อโควิด-19รายใหม่ 6 ราย กลับจากอียิปต์-อเมริกา-เยอรมัน ไม่มีตายเพิ่ม ปลื้มไร้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ ติดต่อ 58 วัน ขณะที่เคส "ระยอง-ซูดาน" ผลตรวจไม่พบเชื้อทั้งหมด ขณะที่"ศบค."ชุดใหญ่ ไฟเขียวต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือนถึงสิ้น ส.ค.63 "บิ๊กตู่"ย้ำต้องไม่ประมาท ขออย่าท้อ-อย่าปล่อยมือ พร้อมขอบคุณทีม "หมอทวีศิลป์"ชี้แจงสังคม ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 ก.ค.63 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือศบค.แถลงว่า วันนี้ พบ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6 รายโดยเดินทางกลับมาจาก ประเทศอียิปต์ 4 ราย เป็นนักศึกษาชายไทย เดินทางกลับมาจาก ประ เทศ สหรัฐอเมริกา 1 ราย เป็นหญิงไทย เดินทางกลับมาจาก ประเทศเยอรมัน 1 ราย เป็นหญิงไทย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,261 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดเสียชีวิตสะสม 58 ราย และรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 98 ราย ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 58 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิดพื้นที่ จ.ระยอง ในวันที่ 21 ก.ค. จำนวน 63 ราย ไม่พบเชื้อ โดยตรวจตั้งแต่วันที่ 14-21 ก.ค. รวม 6,843 ราย ไม่พบเชื้อทั้งหมด ส่วนพื้นที่ กทม.จากกรณีซูดาน 364 รายไม่พบเชื้อ รวมทั้งหมด 7,207 ราย ไม่พบเชื้อทั้งหมด นพ.ทวีศิลป์ แถลงต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบตามสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้ขยายเวลาการบังคับใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อไปอีก 1 เดือนถึงสิ้นเดือน ส.ค.63 โดยจะให้เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาสัปดาห์หน้า เนื่องจากยังมีความจำเป็นในการควบคุมสถานการณ์ ในช่วงที่ต่างประเทศ ยังมีการแพร่ระบาดรุนแรง ขณะที่ประเทศไทยยังเปิดรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ได้มีการนำเสนอความก้าวหน้าเรื่องวัคซีน ในประเทศมีการทำงานของมหาวิทยาลัย ซึ่งต้องใช้เวลาในการผลิตเอง แต่ยังมีความร่วมกับต่างประเทศคือ อังกฤษ ที่มีการเริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว ทาง ศบค.ชุดใหญ่จึงให้มีการร่วมมือกันอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาล และการประสานงานภาคเอกชนคือ บริษัท สยามไบโอ-ไซม์ ซึ่งเป็นโรงงานที่มีศักยภาพสูง ได้ผลิตชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยจะมีการสนับสนุนเรื่องงบประมาณเพื่อต่อยอดพัฒนา ที่ประชุมได้อนุมัติหลักการ เพื่อลงรายละเอียดก่อนนำไปเสนอหาแหล่งเงินทุน ไปสู่ความร่วมมือดับประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้โดยเร็ว ให้เกิดความมั่นคงในสาธารณสุขต่อไป ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ศบค. ว่า สถานการณ์ในสัปดาห์ ที่ผ่านมาเราต้องเผชิญ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นบทเรียน และสัญญาณเตือน พวกเราทุกคนต้องไม่ประมาท ภายหลังที่พวกเราทุกคนประสบความสำเร็จและมีความร่วมมือที่ดี จึงขอให้กำลังใจทุกคนอย่างต่อเนื่อง ทราบดีว่าทุกคนพยายามและทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังเกิดปัญหาขึ้นมาบ้าง ขออย่าท้อถอยหรือปล่อยมือ ขอให้ทุกคนอดทน โดยเฉพาะความพยายามของการรักษาสมดุลด้านการสาธารณสุข เศรษฐกิจและสังคมเป็นสิ่งสำคัญ รวมถึงความสัมพันธ์กับต่างประเทศด้วย เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมีความสลับซับซ้อนมากมาย " นอกจากนั้น เรายังต้องเผชิญเรื่องการบิดเบือนต่างๆ เพื่อประโยชน์อะไรก็ตามจากสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ขอให้ทุกคนยืนหยัดและตั้งมั่นในเจตนารมณ์ที่บริสุทธิ์ ที่จะทำเพื่อชาติบ้านเมือง และ ก้าวเดินสู่ความสำเร็จโดยรวม ทั้งนี้ขอขอบคุณทีมประชาสัมพันธ์และโฆษก ศบค.ด้วย วันนี้เราจะต้องเข้มงวด ละเอียด รอบคอบ ในการพิจารณาทบทวนมาตรการต่างๆอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งแผนเผชิญหน้าในเชิงรับและเชิงรุก และแผนเผชิญเหตุ ที่ต้องประสานให้สอดคล้องทุกขั้นตอน ซึ่งมาตรการที่จะพิจารณาในวันนี้ ต้องรับฟังเสียงและความคาดหวังของประชาชนส่วนใหญ่ด้วย พร้อมช่วยกันชี้แจงทำความเข้าใจ หลักการและเหตุผลที่เราตัดสินใจ ตอบคำถามประเด็นข้อสงสัย สื่อมวลชนและสังคมได้ทันท่วงที รวมไปถึงชี้แจงผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารออนไลน์ต่างๆด้วย ส่วนกรณีเหตุการณ์ที่จ.ระยอง นั้นได้ลงพื้นที่ทันทีในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน เราคาดหวังเหตุการณ์ต่างๆกำลังดีขึ้น มีการใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น เพื่อเตรียมรับนักท่องเที่ยวในประเทศ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น อนุมัติให้ใช้ยาเด็กซาเมทาโซน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มยาสเตียรอยด์ ที่มีฤทธิ์ลดความอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน มาใช้เป็นยาขนานที่ 2 สำหรับการรักษาโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 นอกเหนือจากยาเรมเดซิเวียร์ ที่เคยอนุมัติไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยการอนุมัติข้างต้น มีขึ้นภายหลังจากคณะนักวิจัยได้ดำเนินการทดลองใช้ยาชนิดนี้กับผู้ป่วยโรคโควิดฯ ที่มีอาการหนักในโรงพยาบาลประเทศอังกฤษ มีผลทำให้ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยดังกล่าวได้ ซึ่งมักจะมีอาการปอดอักเสบจากการติดเชื้ออย่างรุนแรง รายงานข่าวแจ้งว่า จากผลการทดลองครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่อีกครั้ง ในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสโควิดฯ ที่กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลกในเวลานี้ ทางด้าน บริษัท เอสเคไบโอไซแอนซ์ ในเครือของเอสเคเคมิคัลส์ ประเทศเกาหลีใต้ บรรลุกข้อตกลงกับบริษัทแอสตราเซนเนกา ประเทศอังกฤษ ในการผลิตวัคซีนเอแซดดี1222 (AZD1222) ที่ทางบริษัทแอสตราเซนเนกา ร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ วิจัยพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 หรือโควิด-19 ที่ผลการวิจัยพัฒนา ระบุว่า ดูเหมือนได้ผลการทดลองทางคลินิกขั้นต้นประสบความสำเร็จด้วยดี ในการทดลองกับอาสาสมัคร จนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ รายงานข่าวแจ้งว่า สัญญาในข้อตกลงข้างต้น จะส่งผลให้บริษัทเอสเคไบโอไซแอนซ์ ผลิตวัคซีนดังกล่าวได้ ตั้งแต่เดือน ก.ค. นี้ ไปจนถึงต้นปีหน้า และมีการคาดการณ์ด้วยว่าทั้งสองฝ่ายอาจจะมีการต่ออายุสัญญาออกไปอีก หากวัคซีนได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพดีขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ทางบริษัทแอสตราเซนเนกา ได้ทำข้อตกลงที่จะจัดหาวัคซีนดังกล่าว แก่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยมีจำนวนมากถึง 200 ล้านโดส ซึ่งในจำนวน 30 ล้านโดส จะส่งมอบให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขณะที่ สถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ส่งผลให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นจำนวน 15,097,696 ราย ผู้ป่วยที่เสียชีวิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 619,561 ราย และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายมีจำนวนสะสม 9,115,482 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ป่วยสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 4,028,569 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 144,953 ราย