เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 7 มิ.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.และ พ.ต.ต.ณธัชพงศ์ สินศิริยานนท์ สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัว นายชวลิต พวงด้วง อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 210/3 หมู่ 6 ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 165/2560 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2560 ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตให้มีไว้ในครอบครองได้ และร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังจากร่วมกับพวก โดยสามารถจับกุมตัวได้ใน ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ภูมินทร์ กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีแดง สภาพเก่า ไม่ทราบทะเบียน เป็นพาหนะ ก่อนจะใช้อาวุธปืนเอ็ม 16 ยิงใส่ นายอนันต์ คลังจันทร์ อายุ 54 ปี อดีต ส.จ.นครศรีธรรมราช และอดีตรองนายก อบจ.นครศรีธรรมราชขณะที่กำลังอาบน้ำให้วัวชนนับสิบตัว ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 107/3 บ้านศาลาทวดทอง หมู่ 3 ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แล้วพากันขับรถกระบะคันดังกล่าวหลบหนีไป ภายหลังเกิดเหตุทางตำรวจ สภ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ได้เร่งสืบสวนสอบสวนพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั้งสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายชวลิต ทองด้วง อายุ 31 ปี ซึ่งต่อมาชุดสืบสวน กก.5 บก.ป.ได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามคดีจนกระทั้งจับกุมตัวได้ดังกล่าว สอบสวนนายชวลิต ให้การว่า ตนขอปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวและไม่รู้จักผู้ตายแต่อย่างใด นอกจานี้ในวันเวลาเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในพื้นที่แต่อย่างใด โดยในวันนั้นตนอยู่ในพื้นที่ปทุมธานี อย่างไรก็ดีตนได้นำหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ตนอยู่ในวันที่เกิดเหตุมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และขอความเป็นธรรมในคดีนี้ด้วย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ พบว่าเคยถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวอาวุธปืน , คดีฆ่าผู้อื่น , คดีพยายามฆ่า , คดีบุกรุก และคดีลักทรัพย์ รวม 9 หมายจับ ในท้องที่ จ.พัทลุง และ จ.นครศรีธรรมราช มาแล้วก่อนหน้านี้ รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายสุริยา แก้วสุข อายุ 28 ปี ผู้ต้องสงสัยร่วมกันก่อเหตุในคดีดังกล่าว ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน บก.ป.โดยปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีแต่อย่างใด และสาเหตุที่เข้ามอบตัวเพราะต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเกรงว่าจะได้รับอันตราย รวมทั้งไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากวันเกิดเหตุยืนยันว่าอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ จ.พัทลุง ไม่ได้เดินทางมาที่ จ.นครศรีธรรมราช