คณะสงฆ์ร่วมกับหน่วยงานจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังคงมอบเครื่องอุปโภคบริโภคช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่องจำนวน 150 ชุด
วันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร คณะสงฆ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย พระธรรมรัตนมงคล เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา/เจ้าอาวาสวัดพนัญเชิงวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ นางสาวนุชนาถ ประทีบธีรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย นางจุรีพร ขันตี วัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และหัวหน้าส่วนราชการ โดยมี นายมาโนช เลาธนไพบูลย์ ผู้แทนพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวรายงาน และร่วมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นครั้งที่ 9 จากทั้งหมด 12 ครั้ง เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ รวมจำนวน 150 ราย
พระธรรมรัตนมงคล กล่าวว่า ในยามบ้านเมืองประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำริให้วัดที่มีความพร้อม ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบาก หรือ โรงทาน เพื่อบริการประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในเขตบริการของวัด สำหรับวัดพนัญเชิงวรวิหาร มีความตั้งใจที่จะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของผู้ที่ได้มาแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือ เป็นการช่วยกันให้สังคมของเราพอจะมีความสุขจากการได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า “ช่วยเหลือจุนเจือผู้ขาดแคลน”คือการให้ทาน ที่จะประกอบด้วยเมตตากรุณา คือการที่เราทนเห็นความเดือดร้อนของผู้อื่นไม่ได้ ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน นับว่าเป็นความดีงามที่มีอยู่ในสายเลือดของคนไทยมาแต่โบราณกาล จะหาไม่ได้ง่ายในชนชาติอื่นๆบนโลกใบนี้ จึงสมควรที่เราท่านทั้งหลายจะได้ช่วยกันรักษาความดีงามนี้ไว้ให้คงอยู่ตลอดไป สังคมไทยก็จะมีความสุขร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างยั่งยืน
พระธรรมรัตนมงคล กล่าวว่า ในยามบ้านเมืองประสบกับปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำริให้วัดที่มีความพร้อม ได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบความยากลำบาก หรือ โรงทาน เพื่อบริการประชาชนผู้ได้รับผลกระทบที่อยู่ในเขตบริการของวัด สำหรับวัดพนัญเชิงวรวิหาร มีความตั้งใจที่จะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตของผู้ที่ได้มาแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือ เป็นการช่วยกันให้สังคมของเราพอจะมีความสุขจากการได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เรียกว่า “ช่วยเหลือจุนเจือผู้ขาดแคลน”คือการให้ทาน ที่จะประกอบด้วยเมตตากรุณา คือการที่เราทนเห็นความเดือดร้อนของผู้อื่นไม่ได้ ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน นับว่าเป็นความดีงามที่มีอยู่ในสายเลือดของคนไทยมาแต่โบราณกาล จะหาไม่ได้ง่ายในชนชาติอื่นๆบนโลกใบนี้ จึงสมควรที่เราท่านทั้งหลายจะได้ช่วยกันรักษาความดีงามนี้ไว้ให้คงอยู่ตลอดไป สังคมไทยก็จะมีความสุขร่มเย็นเป็นสุขได้อย่างยั่งยืน