"สุดารัตน์" เดินตลาด กินต้มเลือดหมู ระยอง แม่ค้า ประชาชน แห่ให้กำลังใจ แนะรัฐประกาศไทยเป็นประเทศปลอดเชื้อ พร้อมเยียวยาผลกระทบ ช่วยผู้ประกอบการ ระบุการสื่อสารต้องชัด สร้างความเชื่อมั่นให้คนกล้าเที่ยว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายษรกฤต ผลลูกอินทร์ นางสาวนิศามาศ เลาหรัตนาหิรัญ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่ตลาดสตาร์ไนท์บาร์ซ่าจังหวัดระยอง เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องชาวระยอง ที่ได้รับผลกระทบ จากกรณีที่มีผู้ติดเชื่อ ซึ่งเป็นทหารจากประเทศอียิปต์ เดินทางมาพักและท่องเที่ยวในจังหวัด โดยได้รับการต้อนรับจากพ่อค้าแม่ขายอย่างอบอุ่น พร้อมขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและมอบดอกไม้ร่วมถึงได้ส่งเสียงให้กำลังใจ "สู้ๆ" เพื่อเป็นการต้อนรับประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และขอให้เป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนในเวลานี้ ขณะเดียวกันคุณหญิงสุดารัตน์ ได้รับประทาน"ต้มเลือดหมู" ที่ตลาดสตาร์ไนท์บาร์ซ่า ร่วมกับพี่น้องประชาชนที่มาเดินจับจ่าย ภายในตลาดด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ ได้สอบถามถึงปัญหาความทุกข์ยาก โดยเฉพาะยอดการค้าขาย ที่ตกลงกว่าครึ่ง ขณะที่บางร้านตกลงกว่าร้อยละ 70 เพราะลักษณะของเน้นการขายส่ง จึงมีสินค้าจำนวนมากที่ต้องรอกระจายออกไปสู่ผู้ค้ารายย่อย เมื่อได้รับผลกระทบ จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ค้ารายย่อย ชะลอการซื้อสินค้า สินค้าจึงตกค้างเสียหายจำนวนมาก ขณะที่มาตราการเยียวยา ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ไปยังนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่มีท่าทีการตอบรับอย่างชัดเจน คุณหญิงสุดารัตน์ ยังได้รับฟังด้วยว่า เมื่อการค้าขาย ภายในตลาดเงียบเหงา จึงกระทบ ไปยังผู้ประกอบการ และภาคส่วนทางธุรกิจอื่นๆ ที่อยู่ในวงจร การค้าการขาย ให้ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยว ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงภาคแรงงาน และการเกษตร พ่อค้าแม่ขายฝากยืนยัน กับผู้มาใช้บริการ ผ่านคุณหญิงสุดารัตน์ว่า สามารถเดินทางมาเที่ยวระยอง แวะเลือกซื้อสินค้ารวมถึงแวะใช้บริการที่ตลาดได้โดยไม่ต้องกังวลเพราะที่ตลาดแห่งนี้ มีมาตรการในการดูแลรักษาความสะอาดและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19 อย่างเข้มงวด "ยืนยันว่าชาวระยองการ์ดไม่ตก" จากการพูดคุยกับ ผู้ประกอบการในจังหวัดระยอง คุณหญิงสุดารัตน์ทราบว่า ยอดจองที่พักบริเวณริมหาด หายไปกว่าร้อยละ 80 รวมถึงที่เกาะเสม็ด หายไปเกือบทั้งหมด คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า สิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะ สามารถ เป็นเสียงสะท้อนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวระยองได้คือ 1)นำปัญหาเหล่านี้ ไปพูดคุยในสภาฯเพื่อนำไปสู่การแก้ไข "อยากให้รัฐบาลมองข้อเท็จจริง เมื่อถามว่าการเยียวยาจำเป็นหรือไม่ต้องตอบว่าจำเป็น เพราะแม่ค้าได้รับผลกระทบ "ของเหลือหนี้ก็เพิ่ม" ควรจะช่วยเหลือ ทั้งผู้ประกอบการ คนค้าขายตัวเล็กๆ และประชาชน ที่ต้องหยุดงานอีก 2)คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่าขณะนี้มาตรการของภาครัฐยังสับสน การสื่อสารระหว่างหน่วยงานของภาครัฐยังไม่สอดคล้องกัน "เสียงหนึ่งยืนยันว่าระยองปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันอีกส่วนหนึ่งเช่นประกาศของจังหวัดสุรินทร์ หรืออุบลราชธานี ระบุว่าห้ามคนมาเที่ยวระยอง หรือมาแล้วกลับไปจะถูกกักตัว 14 วัน" ซึ่งเป็นการสื่อสารที่ขัดแย้งกันเอง ดังนั้นรัฐจะต้องจัดการให้ชัดเจน ต้องไม่มีหน่วยงานใดที่ออกประกาศมาขัดแย้งกันอีก เพราะนอกจากประชาชนจะกังวลเรื่องของโควิดแล้ว อาจทำให้กังวลว่าเมื่อเดินทางมาแล้วจะเกิดความยุ่งยาก 3) ภาครัฐจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะมาตรการไทยเที่ยวไทย ไม่ใช่ออกแพ็คเกจต่างๆแต่ประชาชนยังไม่มั่นใจ เช่นการออกแพ็คเกจให้มาเที่ยวระยอง แต่คนยังไม่มั่นใจจังหวัดระยองก็ทำให้ประชาชนไม่เดินทางมา เช่นเดียวกับอีกหลายจังหวัด หากมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกคนก็จะไม่ไปท่องเที่ยว เศรษฐกิจก็ไม่สามารถฟื้นตัวได้ "การแก้ไขปัญหาไม่ใช่ด้วยเงินอย่างเดียว แต่ต้องใช้ปัญญา ใช้ความจริงใจ ใช้วิสัยทัศน์ ที่จะทำให้คนมั่นใจว่า พื้นที่ในประเทศไทยทุกพื้นที่ ปลอดภัยปลอดเชื้อ " ทั้งนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เห็นว่าประเทศไทยไม่พบการติดเชื้อในประเทศมาแล้วกว่า 50 วัน มีเพียงบุคคลที่มาจากต่างประเทศเท่านั้น ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องกล้าประกาศ ว่าประเทศไทยปลอดโควิด-19 และสิ่งที่เป็นข้อบกพร่อง ซึ่งรัฐต้องเร่งป้องกันคือไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางเรือ ทางอากาศ เพื่อไม่ให้เชื้อใหม่ เข้าในประเทศ ซึ่งจะเห็นได้จากกรณีการลักลอบเข้ามาของแรงงาน ซึ่งต้องคุมด้วยมาตรการที่เข้มข้นป้องกันเชื้อใหม่เข้ามา นอกจากนี้ รัฐต้องใช้จุดแข็ง โดยเฉพาะ การที่ประเทศไทยไม่มีผู้ติดเชื้อ ซึ่งแลกมากับความเสียหายทางเศรษฐกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากนั้นในช่วงบ่ายเดินทางมาพูดคุยกับผู้ประกอบการในจังหวัดระยอง ซึ่งได้รับข้อแนะนำว่าต้องการให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 25 ก.ค. นี้ซึ่งจะมีช่วงวันหยุดยาว และ อยู่ในกรอบเวลาที่รัฐบาล สนับสนุนโครงการเที่ยวปันสุข ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการของจังหวัดระยองเสียโอกาส รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณหรือการส่งเสริมแพ็คเกจต่างๆ จะต้องพิจารณาให้ผู้ประกอบการหรือผู้ค้าผู้ขาย ในจังหวัดได้รับการดูแลเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะการกระตุ้น เศรษฐกิจผ่าน โครงการของภาครัฐ