เมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการ ธปท. ด้านเสถียรภาพการเงิน และนายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. ได้พบให้ข้อมูลนักวิเคราะห์ (Analyst meeting) โดย ธปท. ระบุว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุด ณ ไตรมาสที่ 2 ปี 2563 ซึ่งมีมาตรการควบคุมการระบาดแล้ว โดยสามารถควบคุมโควิด-19 ได้เป็นผลสำเร็จ และเริ่มทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดตั้งแต่เดือนมิถุนายน กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งการเดินทาง การจับจ่ายใช้สอย และการผลิต โดยในการประชุมครั้งล่าสุด (24 มิ.ย.63) กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเห็นว่านโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งมาตรการการคลังของรัฐบาลและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อที่ออกมาเพิ่มเติม ช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นและจะสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้หลังการระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย นอกจากนี้ กนง.เห็นว่าจะต้องมีนโยบายด้านอุปทานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ (economic restructuring) ให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลงด้วย ได้แก่ 1.มีกลไกการบริหารกำลังการผลิตส่วนเกินในภาคอุตสาหกรรมอาทิ เอื้อให้เกิดการควบรวมกิจการในสาขาที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่มาก หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังจากการระบาดคลี่คลายลง 2.สนับสนุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและมีโอกาสฟื้นตัวเร็ว 3.เร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับเศรษฐกิจดิจิทัล 4.สนับสนุนการพัฒนาทักษะแรงงาน (reskill and upskill) เพื่อรองรับการจ้างงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายและปรับตัวเข้าสู่บริบทใหม่ 5.เร่งปฏิรูปกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจข้างต้น ควบคู่กับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ (debt restructuring) จะช่วยเสริมสร้างให้เศรษฐกิจมีความเข้มแข็งและช่วยรักษาระดับศักยภาพการเติบโต (potential growth) ให้เศรษฐกิจไทยสามารถกลับมาเติบโตได้ในระยะต่อไป ทั้งนี้ ธปท.ได้ให้น้ำหนักปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในอนาคตคือ ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำ ผลกระทบจากโรคระบาด อาจส่งผลในวงกว้างที่กระทบทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ขณะนี้ ธปท.กังวลเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่ปรับตัวสูงขึ้น ผลจากการขาดรายได้ ทำให้ต้องเข้าไปแก้ไขดูแล การปรับโครงสร้างหนี้ที่จะทยอยออกมาตรการอย่างต่อเนื่อง