นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า หลังจากที่ทีเส็บดำเนินการแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยให้ความรู้และนำเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำธุรกิจไมซ์ให้สอดรับกับยุค New Normal ผ่าน 2 โครงการหลัก คือ 1.โครงการ Virtual Meeting Space (VMS) การส่งเสริมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ รวมถึงคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (E-learning) และ 2.โครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ (MICE Intelligence Center) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี “จากที่ผ่านมาการเปิดตัวโครงการให้ความรู้และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดงานไมซ์ ประกอบกับแนวโน้มของโลกหลังโควิด-19 ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้โลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการสนับสนุนผู้ประกอบการไมซ์ นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้พัฒนาธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ และนับเป็นก้าวสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้ยั่งยืนต่อเนื่องได้ในอนาคต” นายจิรุตถ์ กล่าว ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 หลังจากเปิดตัวโครงการ Virtual Meeting Space (VMS) เป็นต้นมา ทางทีเส็บให้การสนับสนุนใน 3 รูปแบบ คือ การประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ (Webinar) การจัดแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ (Offline to Online - O2O) โดยสนับสนุนการจัดหาและบริหารจัดการแพลทฟอร์มออนไลน์สำหรับผู้จัดงานแสดงสินค้า และการสนับสนุนคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (E-learning) สำหรับผู้ประกอบการไมซ์ จนในปัจจุบัน มีงานประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ที่ขอรับการสนับสนุน 40 งาน โดยดำเนินการแล้ว 5 งาน ได้แก่ Thailand Toy Expo วันที่ 28-31 พฤษภาคม 2563 งาน Maximizing MICE: Winning the Thai & International MICE Business in a Post COVID-19 World วันที่ 4 มิถุนายน 2563 งานสัมมนาออนไลน์ Post COVID-19 ชีวิตวิถีใหม่กับการจัดระเบียบและขับเคลื่อนสร้างความพร้อมกรุงเทพเเละเมืองหลักเพื่อการจัดงาน วันที่ 11 มิถุนายน 2563 งานสัมมนาออนไลน์ MICE Clinic หัวข้อ การจัดประชุมแบบ Virtual Meeting อย่างมีประสิทธิภาพและการประชุมปลอดภัยไร้โควิด-19 วันที่ 12 มิถุนายน 2563 และงาน ASEANTA Webinar 2020 “New Normal in Tourism & Creating travel bubble วันที่ 25 มิถุนายน 2563 โดยมียอดผู้เข้าชมกว่า 80,000 ราย ประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้ นายจิรุตถ์ กล่าวต่อว่า การสนับสนุนคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (E-learning) สำหรับผู้ประกอบการไมซ์ในการพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อต่อยอดในการทำงาน ผ่านแพลตฟอร์ม YourNextU จากสถาบัน Southeast Asia Center หรือ SEAC ที่มุ่งเน้นการบริหารโครงการ การเพิ่มทักษะระหว่างบุคคล การเพิ่มทักษะความเป็นผู้ประกอบการ การจัดการ การสื่อสาร และการใช้ดิจิทัล มีผู้ประกอบการไมซ์ได้รับการสนับสนุนและขอใช้สิทธิ์การเข้าอบรมออนไลน์ครบตามจำนวนแล้วถึง 250 ราย โดยสนับสนุนการอบรมเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 8 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม –เดือนธันวาคม 2563 ด้านเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ (MICE Intelligence Center) ให้ข้อมูลและนำเสนอเนื้อหาบทความอุตสาหกรรมไมซ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของโควิด-19 ในทุกระยะของการแพร่ระบาดกับผู้ประกอบการไมซ์ทุกสัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งมีการรวบรวมความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย การสนับสนุน และแผนงานที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมไมซ์ของต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน มาเก๊า และกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ อาทิ ICCA, UFI, SITE, Destination International, PCMA, GBTA, PATA, UNWTO เพื่อให้ผู้ประกอบการไมซ์มีแนวทางปรับเปลี่ยนและรับมือกับสถานการณ์ได้ โดย นายจิรุตถ์ กล่าวว่า ได้มีการนำเสนอเป็นรายไตรมาส อีกทั้งจัดทำ MICE Outlook นำเสนอบทความสั้นรายสัปดาห์เพื่ออัปเดตความเคลื่อนไหวของเทรนด์ไมซ์ทั่วโลก รวมถึงการจัดทำเนื้อหารูปแบบ Intelligence Talks ซึ่งเป็นคลิปวีดีโอให้ความรู้และถอดบทเรียนการทำงานของผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้อย่างมืออาชีพ ซึ่งตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนผู้เข้าศึกษาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ทั้งกว่า 100,000 ราย ประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ พร้อมกันนี้ทิศทางการดำเนินงานด้านการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ ในครึ่งปีหลังเมื่อมีการผ่อนปรนการจัดงานเต็มรูปแบบ ทางทีเส็บยังคงสานต่อโครงการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ให้เป็นเครื่องมือทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการไมซ์อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันมุ่งเดินหน้าส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ผสมผสานในการจัดงานจริง โดยเริ่มจากการจัดงานไมซ์ในประเทศ อาทิ การใช้เทคโนโลยีตรวจวัดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงานในพื้นที่ต่าง ๆ ในงานประชุมหรืองานแสดงสินค้า หรือ การส่งเสริมการใช้แอพพลิเคชั่นในการจัดงาน ตั้งแต่ก่อนการจัดงาน ระหว่างงานและหลังงาน เช่น การใช้แอพพลิเคชั่นไทยชนะ หรือการลงทะเบียนและการนัดหมายเจรจาธุรกิจล่วงหน้า เพื่อใช้เวลาในการเข้าร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระชับและรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังคงสานต่อโครงการ Thai MICE Connect หรือเว็บไซต์เครือข่ายพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการไมซ์ โดยเว็บไซต์ดังกล่าวเปิดให้ผู้ประกอบการโรงแรม สถานที่จัดงาน และผู้จัดงาน สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกและให้ข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจและบริการบนเว็บไซต์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ปัจจุบันมีสถานประกอบการสมัครเป็นสมาชิกทั่วประเทศแล้วกว่า 7,600 ราย อย่างไรก็ตาม นายจิรุตถ์ กล่าวต่อว่า แม้ว่ารัฐบาลจะผ่อนปรนการจัดงานและกิจกรรมไมซ์ในประเทศ ทั้งการประชุมสัมมนา งานแสดงสินค้า การจัดงานคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ดำเนินการจัดงานในรูปแบบปกติ แต่ทุกภาคส่วนยังคงต้องร่วมกันดำเนินการภายใต้มาตรการการจัดงานในรูปแบบ New Normal อย่างเคร่งครัด ทั้งสถานประกอบการ ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งรูปแบบการจัดงานมีแนวโน้มการพัฒนาไปในลักษณะไฮบริด (Hybrid) มากขึ้น คือ การผสมผสานระหว่างการจัดงานในรูปแบบปกติ และเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ผู้สนใจร่วมชมงานได้ เพื่อลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงาน