บริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CPFTH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอฟ” ถือหุ้น 99.99% ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อขออนุญาตออกและเสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จำนวน 5 รุ่น ได้แก่ หุ้นกู้อายุ 4 ปี 6 เดือน อายุ 7 ปี อายุ 10 ปี อายุ 12 ปี และอายุ 15 ปี ซึ่งหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 ที่ระดับ A+ โดยมีธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารซีไอเอ็มบี (ไทย) ธนาคารทหารไทย และบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายคาดว่าจะเสนอขายภายในวันที่ 20 ส.ค.63 นายไพศาล จิระกิจเจริญ ประธานผู้บริหารฝ่ายการเงินของซีพีเอฟเปิดเผยว่า CPFTH เป็นบริษัทย่อยของซีพีเอฟ ที่ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจสัตว์บกครบวงจรในประเทศไทยประกอบด้วยประเภทสัตว์หลัก ได้แก่ สุกร ไก่เนื้อ ไก่ไข่ และเป็ด จำแนกเป็น 3 ธุรกิจหลักคือ 1.ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed)ได้แก่ การผลิตและการจำหน่ายอาหารสัตว์ 2.ธุรกิจเลี้ยงสัตว์ (Farm) ได้แก่ การเพาะพันธุ์สัตว์ การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า และการแปรรูปเนื้อสัตว์ขั้นพื้นฐาน 3.ธุรกิจอาหาร (Food)ได้แก่ การผลิตเนื้อสัตว์แปรรูปกึ่งปรุงสุกและปรุงสุก ผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปหรือผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานรวมถึงมีกิจการค้าปลีกอาหารและร้านอาหาร ภายใต้ แบรนด์ต่างๆอาทิเช่น ซีพีเฟรชมาร์ท,ธุรกิจห้าดาว,สตาร์คอฟฟี่,ซีพี คิทเช่น,ร้านอาหารสไตล์เกาหลีภายใต้ชื่อร้าน “ดัคกาลบี้”,ร้านอาหารบุฟเฟต์ อาหารทะเล นานาชาติ ภายใต้ชื่อ “ซีพี ไห่หลาย ฮาร์เบอร์” เป็นต้น โดยในปี 2562 CPFTH มีรายได้จากการดำเนินงานรวมกว่า 1.44 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 27% ของซีพีเอฟ และEBITDA จำนวน 7.2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของซีพีเอฟ และจากการที่ราคาของผลิตภัณฑ์สัตว์บกปรับตัวสูงขึ้นกว่าระดับของระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนและราคาเฉลี่ยของวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง จึงส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีในไตรมาสแรกของปี 2563 โดยมีรายได้จากการขายเติบโตเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 13% ในไตรมาสแรกของปี 2563 เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 9% ในช่วงเดียวกันของปี 2562 ทั้งนี้ธนาคารผู้จัดจำหน่ายคาดว่าหุ้นกู้ทั้ง 5 รุ่นที่จะออกและเสนอขายน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยกิจการที่มีความมั่นคง มีความน่าเชื่อถือ มีโอกาสและมีศักยภาพในการเติบโต ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนี้บริษัทยังได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากผลกระทบของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯ เป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ขณะที่ความแข็งแกร่งของ CPFTH ยังสะท้อนได้จากอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ A+ ซึ่งตอกย้ำ สถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของซีพีเอฟในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย