เมื่อวันที่ 9 กรกฏาคม 2563 นางวาสนา ทองจันทร์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยโสธร มอบหมายให้นายอนุวัฒน์ บุญพันธ์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ ลงพื้นที่มอบป้ายและเยี่ยมบ้านคนพิการที่ได้รับการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากธนาคารไทยพาณิชย์,คิงเพาเวอร์,ดับบลิวเอชเอ จำนวน 7 ราย ในพื้นที่ตำบลนาแก อำเภอคำเขื่อนแก้ว ตำบลตำบลสามแยก และ เทศบาลสามแยก อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุโพดูลและพายุคาจิกิตามโครงการ"ร้อยใจ รวมไทย สู่ใจอีสาน"ที่ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยโสธรได้จัดขึ้นเพื่อดำเนินการช่วยเหลือประชาชน"พม.ทำงานด้วยหัวใจไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง"
นายอนุวัฒน์ บุญพันธ์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยโสธรเปิดเผยว่าได้รับมอบหมายจาก นางวาสนา ทองจันทร์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดยโสธร มามอบบ้านและเยี่ยมผู้ด้อยโอกาสในวันนี้ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย โดยสํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษยจังหวัดยโสธร ร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย จํากัด(มหาชน) มูลนิธิสยามกัมมาจล บริษัทคิง เพาเวอร ดิวตี้ฟรี จํากัด บริษัทดับบลิวเอชเอ คอรปอเรชั่น จํากัด(มหาชน) และบริษัทดูโฮม จํากัด(มหาชน) ได้ประชุมขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคม โครงการ “ร้อยใจ รวมไทย สู่ใจอีสาน” เพื่อบรรเทาทุกข์และช่วยเหลือ ผู็ประสบอุทกภัยในภาคอีสานจากพายุโพดุลและคาจิกิ ที่ผ่านมา
และธนาคารไทยพาณิชย จํากัด (มหาชน) พร้อมด้วยเครือข่ายพันธมิตร ประกอบด้วยมูลนิธิสยามกัมมาจล บริษัทคิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จํากัด บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จํากัด(มหาชน) และบริษัทดูโฮม จํากัด (มหาชน) ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณในการซ่อมแซม ปรับปรุงที่อยู่อาศัย สําหรับคนพิการ ผู้สูงอายุ และ ผู้ด้อยโอกาสที่ได้รับผลกระทบจากพายุโพดุลและคาจิกิ จํานวน 52 หลังเพื่อเป็นค่าวัสดุ อุปกรณ์สําหรับซ่อมแซม และปรับปรุง จํานวนเงิน 1,873,768 บาท และค่าบริหารจัดการ ค่าอาหารและเครื่องดื่ม จํานวนเงิน 156,000 บาท โดยดําเนินโครงการในพื้นที่ 6 อําเภอ 16 องคกรปกครองส่วนท้องถิ่น
และวันนี้ได้มามอบบ้านและเยี่ยมผู้ป่วย 2 อำเภอคือ อำเภอคำเขื่อนแก้วและอำเภอเลิงนกทารวม7 ราย เพื่อแบ่งเบาความทุกข์และความเดือดร้อนของ ประชาชนและจะมุ่งมั่นช่วยเหลือประชาชนต่อไป จนกว่าประชาชนจะมีคุณภาพ ชีวิตที่ดี มีความสุขตามวิถีชีวิตพอเพียง และสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยยึดหลักการช่วยเหลือเสมอภาค เท่าเทียม และเป็นธรรม