อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ แนะจดบัญชีครัวเรือน-บัญชีต้นทุนอาชีพ รู้ตัวตน รู้รับ-จ่าย วางแผนการใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อวันที่ 9 ก.ค. นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยว่า ภารกิจหลักของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ การตรวจสอบบัญชีสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีความเข้มแข็ง เป็นมาตรฐานสากล และการส่งเสริมการจัดทำบัญชีแก่เกษตรกร สมาชิกสถาบันเกษตรกร และประชาชนทั่วไป โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี2548 ซึ่งการสอนแนะการทำบัญชี ในเบื้องต้นจะใช้บุคลากรของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์เป็นผู้ให้คำแนะนำ ต่อมาได้พัฒนาไปสู่การเพิ่มพูนความรู้ให้กับบุคลากรที่เป็นจิตอาสา หรือที่เรียกว่าครูบัญชีอาสา ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 9,900 กว่าคน เป็นผู้ขยายผลในการสอนแนะการทำบัญชีให้กับประชาชนทั่วไป จึงเป็นกลไกหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการจัดทำบัญชีรายบุคคลของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ให้ขยายผลลงไปสู่พื้นที่ภาคเกษตร รองรับโครงการต่างๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการช่วยเหลือเกษตรกรและสร้างความเข้มแข็งภาคเกษตรได้อย่างยั่งยืน โดยครูบัญชี ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการประกอบอาชีพด้านการเกษตรควบคู่กับการนำบัญชีไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จนสามารถนำข้อมูลทางบัญชีไปใช้ในการวางแผนประกอบอาชีพ และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เครือข่ายในชุมชนให้มีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน พึ่งพาตนเองได้ เป็นต้นแบบให้เกษตรกรได้ใช้เป็นแนวทางการประกอบอาชีพ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าวอีกว่า นายยงยุทธ ประวัง ครูบัญชีอาสาจากจังหวัดเลย ซึ่งปัจจุบันได้รับรางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาบัญชีฟาร์ม ประจำปี 2563 เป็นตัวอย่างของครูบัญชีที่นำระบบบัญชีและนวัตกรรมทางบัญชีของกรมฯ ไปประยุกต์ใช้แล้วประสบความสำเร็จ โดยนำระบบการบันทึกทางบัญชีมาใช้ตั้งแต่เริ่มต้นเข้าสู่อาชีพเกษตรกรใหม่ๆ เพราะซึมซับมาจากการที่เห็นแม่ทำบัญชีรับ-จ่ายในครัวเรือน จากอาชีพเลี้ยงสุกร และได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมจากกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ทั้งการจัดทำบัญชีครัวเรือน บัญชีต้นทุนอาชีพ และการบันทึกบัญชีผ่านแอปพลิเคชัน SmartMe ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับใช้บันทึกข้อมูลบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไป สามารถเข้าถึงการจดบันทึกบัญชีได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ลงบัญชีได้รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ ทุกที่ ทุกเวลา ผ่าน Smart Phone ทำให้ครูยงยุทธ เข้าใจการทำบัญชีอย่างเป็นระบบมากขึ้น และนำไปใช้กับตนเอง พร้อมทั้งถ่ายทอดความรู้ให้แก่เกษตรกรและคนที่สนใจ ทำให้รู้จักการวางแผน การคิดวิเคราะห์ สร้างความมั่นคงให้ครอบครัว จึงเห็นได้ว่า การทำบัญชีมีความสำคัญ โดยเฉพาะในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่ควรจดบันทึกบัญชีอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์วางแผนการปรับเปลี่ยนการผลิตให้มีความเหมาะสมกับกำลังของตนเองและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทำให้รู้ตัวตนและสามารถปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้มีสมดุลได้ มีการใช้จ่ายอย่างมีเหตุ มีผล และสมดุลกับรายได้ที่รับ “การจดบันทึกบัญชีอย่างสม่ำเสมอแล้วคิดตามจะทำให้รู้ตัวเราเอง จะทำให้เรารู้ต้นทุนที่มีและรู้สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา เช่น สภาพดินที่ทำเกษตรเป็นอย่างไร ขาดธาตุอาหารอะไร เพื่อจะได้ปรับปรุงบำรุงดินได้อย่างเหมาะสมกับพืชที่ปลูก ซึ่งหากมีการจดบันทึกสม่ำเสมอจะเกิดความชำนาญ และนำไปสู่การวางแผนที่ดีต่อไปในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรบางรายอาจยังมีการวางแผนไม่เพียงพอ ด้วยข้อจำกัดบางประการ แต่หากทดลองทำบัญชีสม่ำเสมอ ก็จะหลุดพ้นจากขีดจำกัดเหล่านั้นอย่างแน่นอน บุคคลที่ทำบัญชีมาอย่างต่อเนื่อง จะสามารถวางแผนสร้างชีวิตที่สมบูรณ์ได้ ซึ่งอาจจะไม่ได้มีรายได้มากมาย แต่จะไม่มีรายจ่ายที่เกินกว่าความจำเป็น”อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ กล่าว